วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“ก้าวไกล”ผวา-ขาสั่น โดมิโน“ยุบพรรค” ซ้ำรอย“อนาคตใหม่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ก้าวไกล”ผวา-ขาสั่น โดมิโน“ยุบพรรค” ซ้ำรอย“อนาคตใหม่”

เห็นได้ชัดว่า “พรรคก้าวไกล” คือพรรคการเมืองที่ออกอาการมากที่สุด หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองฯ กรณีสามแกนนำม็อบสามนิ้ว ปราศรัยใหญ่พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อ 10ส.ค.2563 ที่เสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อโดยอ้างว่าเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จนกลายเป็นคำวินิจฉัยเมื่อ 10 พ.ย. 2564

ว่าไปก็ไม่แปลกที่ พรรคก้าวไกล จะมีอาการ “ขาสั่น-ขวัญผวา” เพราะมองดูแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว อาจจะส่งผลเป็น “โดมิโนการเมือง” จนเกิดเป็นคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ลอกคราบใหม่มาจาก อนาคตใหม่ก็ได้ 

เพราะก่อนหน้านี้ “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เป็น “ผู้ร้องในคดีล้มล้างการปกครองฯ” ที่ถือว่า “ชนะคดี” เคยยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อช่วงกุมภาพันธ์ ปีนี้ เพื่อขอให้กกต. พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” ในความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ด้วยเหตุว่า “พรรคก้าวไกล” มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ

มูลเหตุแห่งการยื่นยุบพรรคเมื่อช่วงก.พ.ปีนี้ หากย้อนกลับไป จะพบว่าช่วงดังกล่าว ยังเป็นช่วงที่กระแสม็อบสามนิ้ว แม้จะเริ่มซาแล้ว แต่ก็ยังแรงอยู่ ยังคงมีการนัดเคลื่อนไหวชุมนุมเป็นระยะ โดยเฉพาะช่วงนั้นมีการนัดชุมนุมกันที่ถนนราชดำเนินบ่อยครั้ง และบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ

ที่สำคัญพบว่า การชุมนุมช่วงดังกล่าว จะพบเห็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ไปปรากฏตัวร่วมสังเกตุการณ์และให้กำลังใจการชุมนุมบ่อยครั้ง รวมถึงหากแกนนำหรือผู้ชุมนุมถูกควบคุมตัว ก็จะมีส.ส.พรรคก้าวไกล ผลัดเปลี่ยนกันไปใช้ตำแหน่งส.ส. ยื่นขอประกันตัวแกนนำและแนวร่วมออกมาสู้คดี

ณฐพร โตประยูร / cr : ช่าว 3 มิติ

ทำให้ “ณฐพร” เลยสบช่อง ใช้ประเด็นนี้ ยื่นให้กกต.ไต่สวนเอาผิดกับพรรคก้าวไกล ด้วยข้อหา มีการกระทำซึ่งเป็นการส่งเสริม ยุยง ให้มีการชุมนุม ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง รวมถึงกรณีที่มีผู้ชุมนุมกระทำผิดตามมาตรา 112 มีพรรคการเมืองให้การสนับสนุน และยังมีการยื่นประกันตัวผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ จึงเห็นว่า พฤติการณ์ของส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งมีบางคนเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย น่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.พรรคการเมืองฯ ในสองมาตราสำคัญคือ…

มาตรา 45 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม อันดีของประชาชน หรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ 

และมาตรา 92 ที่บัญญัติว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น โดยเฉพาะกรณี มาตรา 92(2) กระทําการ อันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

กระนั้น มีข่าวว่า หลัง “ณฐพร” ยื่นเรื่องไปแล้ว การไต่สวนคำร้องดังกล่าวของกกต. ในชั้นอนุกรรมการฯ ขยับไปได้ค่อนข้างช้า แม้จะมีข่าวว่า “ณฐพร” จะยื่นข้อมูล เอกสารต่างๆ ส่งเข้าไปให้ กกต.ประกอบการพิจารณาหลายเรื่อง เช่น ภาพถ่ายการที่ส.ส.พรรคก้าวไกล อยู่ในสถานที่การชุมนุม ที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ฯ และยกเลิกมาตรา 112

ข่าวบอกว่า “ณฐพร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พยายามชี้ประเด็นในเอกสารที่ส่งถึงกกต.ว่า แม้ส.ส.พรรคก้าวไกล จะไม่ได้ร่วมขึ้นเวที หรือร่วมปราศรัยด้วย แต่ก็พบว่าเข้าไปมีบทบาทในการให้การสนับสนุนและร่วมเคลื่อนไหวด้วย จึงน่าจะเข้าข่ายความผิดได้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา การไต่สวนของกกต. ก็ยังไม่คืบหน้ามากนัก โดยมีข่าวเล็ดลอดมาจากตึกสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่เรื่องนี้ดำเนินไปอย่างล่าช้า เพราะแนวการสอบสวนของ กกต. ยังมองว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของม็อบสามนิ้วที่ผ่านมา หากเป็นความผิดทางอาญา เช่น การปราศรัยจาบจ้วงสถาบันหรือการฝ่าฝืนพรก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทางตำรวจก็มีการสอบสวนดำเนินคดีกับแกนนำและแนวร่วมอยู่แล้ว การที่มีส.ส.ของพรรคก้าวไกล ไปร่วมปรากฎตัวในการชุมนุม แล้วจะเอาผิดการยุบพรรคกับพรรคก้าวไกล จึงมองว่าน้ำหนักแห่งการเอาผิด ยังน่าจะไปไม่ถึง

“แต่ที่อาจจะมีน้ำหนักบ้าง ก็เช่นกรณีส.ส.พรรคก้าวไกล ไปยื่นประกันตัว แกนนำบางคนที่ปราศรัยพาดพิงสถาบันฯ เสร็จแล้ว พอได้ประกันตัวไป แกนนำม็อบก็ยังมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ยังคงขึ้นเวทีปราศรัยมีการพาดพิงสถาบันฯอยู่ต่อไปอีก ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ ยังพอเอาผิดส.ส.พรรคก้าวไกลได้บ้างในข้อหาว่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่พาดพิงสถาบันฯรายงานข่าวระบุ 

ขณะเดียวกัน มีข่าวด้วยว่า “ณฐพร” ที่มีอาชีพเป็นทนายความและมีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตทหารเก่า สายสี่เสาเทเวศน์บางคน ที่ผ่านมา “ณฐพร” ใช้คอนเน็กชั่นที่มีกับ “คนในขั้วอำนาจปัจจุบัน” เพื่อหาช่องทางขอเอกสารข้อมูลต่างๆ ที่จะเอาผิด “พรรคก้าวไกล” ให้ได้ จนมีการขอไปยังหน่วยงานบางแห่ง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สำนักงานตำรวจสันติบาล-สภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อขอ “ข้อมูลดิบ” ที่ไม่เป็นทางการ เพื่อนำไปขยายผลและส่งต่อให้กกต. เพื่อโยงให้ กกต.เห็นว่า คนของพรรคก้าวไกลมีความเชื่อมโยงกับม็อบสามนิ้ว

เอกสารที่ได้มาบางอย่าง ได้ไฟเขียวจากระดับบิ๊กในรัฐบาลที่ให้หน่วยงานรัฐ ส่งสำเนาให้ “ณฐพร”  จนส่งไปให้ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญในคดีล้มล้างฯ และอีกส่วนหนึ่งก็แยกส่งให้กกต.ด้วยเช่นกัน เพื่อหวังมัดความเชื่อมโยงของส.ส.ก้าวไกลกับม็อบสามนิ้วให้ได้”

อย่างไรก็ตาม แม้มีข่าวว่า อนุกรรมการกกต.จะได้เอกสารข้อมูลสำคัญในคำร้อง คดียุบพรรคก้าวไกลมาแล้ว แต่ข่าวว่าคนในกกต. ต้องการอะไรบางอย่าง ที่จะเป็นบรรทัดฐานหรือมีคนมาชี้ได้ว่า แกนนำม็อบสามนิ้ว มีพฤติการณ์เคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันฯ แล้วมีส.ส.พรรคก้าวไกลโดยเฉพาะพวกที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ไปข้องเกี่ยวคอยให้การสนับสนุน ถ้าได้แบบนี้มา ถึงพอจะมีน้ำหนักทางคดี ตั้งแท่นคดียุบพรรคได้ ซึ่งที่ผ่านมา อนุกรรมการของกกต.ยังหาจุดเชื่อมโยงไปไม่ถึง

แต่เมื่อ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยว่าการเคลื่อนไหวหลายครั้งของแกนนำม็อบสามนิ้วและพวกที่ศาลชี้ว่า เป็นองค์กรเครือข่าย มีพฤติการณ์และเจตนาซ่อนเร้นโดยเคลื่อนไหวแบบเป็นขบวนการที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะจุดสำคัญคือ รัฐธรรมนูญให้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นที่สุด และมีผลผูกพันกับทุกองค์กร

เลยมีข่าวว่า ความล่าช้าในการไต่สวนคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลของ กกต. ที่ต้องการความชัดเจนทางข้อกฎหมาย เมื่อบัดนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯออกมาแล้วว่า เป็นการเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายและมีเจตนาล้มล้างฯ

มันจึงน่าจะทำให้ “คดียุบพรรคก้าวไกล” ที่ค้างคามานานของกกต. อีกไม่นานจากนี้ ก็อาจรู้ผลกันแล้วว่า กกต.จะเอายังไง จะมีมติเอาผิดพรรคก้าวไกล จนสุดท้าย ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรคก้าวไกล หรือกกต.จะยกคำร้องเพราะเห็นว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีพฤติการณ์ความผิดเรื่องการล้มล้างการปกครองฯ แต่อย่างใด

เพราะอย่างที่หลายคนได้เห็นกันแล้วกับท่าทีของ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง-นายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ระบุถึงความคืบหน้าในคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านว่า “ขณะนี้คณะกรรมการไต่สวนของสำนักงานฯกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมีข้อเท็จจริงค่อนข้างเยอะจึงต้องใช้เวลา ล่าสุดทราบว่าอยู่ระหว่างการให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงและเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า 3 แกนนำกลุ่มราษฎรกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ทางสำนักงานจะคัดคำวินิจฉัยดังกล่าวเพื่อนำมาพิจารณาว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับที่มีการร้องหรือไม่”

ด้วยเหตุนี้ อาการ “ขาสั่น-ขวัญผวา” ของคนในพรรคก้าวไกล จึงรีบชิงดักทางการพิจารณาของกกต.ไว้ตั้งแต่ 11 พ.ย. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างเพียงหนึ่งวัน ในลักษณะดักคอ กกต.ไว้ก่อนว่า ผลจากคำวินิจฉัยของศาลไม่น่าจะมีเอฟเฟกต์ส่งผลถึงกับทำให้ กกต.มาเอาผิดยุบพรรคก้าวไกลได้

“พรรคก้าวไกลมีความเห็นว่าข้อกล่าวหาในการยุบพรรคก้าวไกล ไม่ว่าส.ส.ของเราจะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม ไปประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาในคดีการเมืองไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เราไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ทุกอย่างเตรียมพร้อม” ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลระบุ ขณะนำทีมส.ส.ของพรรคก้าวไกลแถลงข่าวที่รัฐสภาเมื่อ 11 พ.ย.

การที่ “ชัยธวัช” เลขาธิการพรรคก้าวไกล บอกว่า ไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ต้องมีการเตรียมพร้อมนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาความรู้สึกได้ไม่ยากว่า คนในพรรคก้าวไกล ก็เกรงจะโดนยุบพรรคเป็นพรรคที่สองซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่” อยู่ไม่ใช่น้อย เพราะในทางการเมืองเวลานี้ ก็เห็นเด่นชัด “พรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามฝ่ายอนุรักษ์นิยม” หรือแม้แต่กับขั้วอำนาจรัฐบาลในปัจจุบัน ที่อยู่ระดับหัวแถวจริงๆ วันนี้ ไม่ใช่ “พรรคเพื่อไทย” อีกต่อไปแล้ว แต่เป็น “พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มากกว่า

ดังนั้น แม้คนในพรรคก้าวไกล จะบอกว่า ไม่กลัวถูกยุบพรรค แต่ก็เก็บอาการ “ขาสั่น” ไว้ไม่ได้ โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เสี่ยงสูง หากพรรคก้าวไกลโดนยุบพรรค ก็อาจติดร่างแห โดนเว้นวรรคการเมืองสิบปี ตามรอย “ธนาธร-ปิยบุตร” ก็เป็นไปได้ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล คนที่ดังๆ นอกจาก “พิธา-ชัยธวัช” แล้ว ก็มีเช่น “เจ๊เจี๊ยบ-นครปฐม” นางอมรัตน์ โชคปมิตตกุล “รังสิมันต์ โรม” รองเลขาธิการพรรค เป็นต้น

การตั้งการ์ด เตรียมพร้อม สู้คดีทั้งในชั้นกกต. รวมถึงแม้แต่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ หากกกต.มีมติให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล จึงเป็นเรื่องที่มีข่าวว่า ฝ่ายกฎหมายพรรคก้าวไกล ได้เริ่มเตรียมการไว้แล้ว แม้จะยังเชื่อว่า กกต.ไม่น่าจะมีมติส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ตาม แต่ของแบบนี้ มันก็ไม่แน่ การเตรียมการกันไว้แต่เนิ่นๆ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ คงเป็นสิ่งที่ คนในพรรคสีส้ม ทำใจไว้อยู่แล้ว เพราะรู้ดีว่า ที่ผ่านมา บทบาทของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงและภาพชัดว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบสามนิ้ว ในลักษณะให้ท่อน้ำเลี้ยงกับม็อบสามนิ้ว  ที่เคลื่อนไหวออกข้อเรียกร้องโดยไปแตะที่สถาบันเบื้องสูง

เป็นเรื่องที่คนในพรรคก้าวไกล ต่างรับรู้มานานแล้วว่า เมื่อพรรคก้าวไกล เปิดหน้าเข้าแลก แบบนี้  โอกาสจะถูกเตะสกัดอีกรอบ ด้วยยาแรง ถึงขั้นยุบพรรครอบสอง ตามรอย “อนาคตใหม่”  จึงเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมใจไว้ล่วงหน้า

………………….

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img