ไม่ถือว่าพลิกโผ กับการที่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะส่ง “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ชิงเก้าอี้ “เบอร์หนึ่ง” ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร-ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ “ผู้ว่าฯเสาชิงช้า” โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ช่วงบ่ายสามโมง วันจันทร์ที่ 13 ธ.ค.นี้ที่ สามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งวันดังกล่าว คือวันลาออกจากอธิการบดีลาดกระบังอย่างเป็นทางการ
เพราะที่ผ่านมา ก็มีข่าวเรื่องดีลการเมืองระหว่าง ดร.เอ้ กับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการส่งลงชิงผู้ว่าฯกทม. มานานร่วมปีแล้ว เห็นได้จากระยะหลัง ดร.เอ้ ก็เข้าไปช่วยงานแกนนำปชป.บางคน เช่นได้รับการแต่งตั้งให้เข้าไปเป็นคณะทำงาน-ทีมที่ปรึกษาของคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมช.ศึกษาธิการ ที่ก็มีบทบาทในพรรคปชป.สูง โดยเฉพาะในพื้นที่กทม. และเรื่องเงินบริจาคให้กับปชป.
จึงทำให้ชื่อของดร.เอ้ ติดโผเป็นเต็งหนึ่ง ที่ปชป.จะส่งลงชิงผู้ว่าฯกทม.มานานแล้ว
ว่าไปแล้ว ดร.เอ้ ถือว่า ตรงกับสเปกที่แกนนำปชป.ต้องการ คือเป็นคนวัยกลางๆ มีภาพความเป็นคนทันสมัย เป็นนักบริหาร คนรุ่นใหม่รู้จัก ทั้งหมดถือว่า ดร.เอ้ ตอบโจทย์ปชป.ทุกอย่าง อย่างเรื่องโปรไฟล์ส่วนตัว ก็เรียกได้ว่า นำไปหาเสียงได้สบาย กับการเป็นนักวิชาการที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เช่นเป็นอธิการบดีพระจอมเกล้าฯลาดกระบังในวัยแค่ 43 ปี และสร้างผลงานไว้เพียบ จนได้รับรางวัลมากมาย-เคยได้รับเลือกให้เป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย เป็นผู้ผลักดันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ดังนั้น พวกนักศึกษา คนรุ่นใหม่ จึงคุ้นชื่อ ดร.เอ้ เป็นอย่างดี
ผนวกกับ ดร.เอ้และทีมงาน ก็มีความเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย มีการโปรโมตประวัติ-ผลงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเน้นเรื่องการแสดงวิสัยทัศน์การแก้ปัญหากรุงเทพมหานคร อย่างเรื่อง การแก้ปัญหาจราจร-น้ำท่วม ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองมาได้เกือบสองปีแล้ว
ข่าวที่ได้มา พบว่า ในความเป็นจริงแล้ว ดร.เอ้ ช่วงแรก ก็สนใจอยากลงสมัครแบบอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่น่าจะเป็นเพราะ “เจ้าตัว” ก็คงรู้ดีว่า แม้ตัวเองจะเป็นที่รู้จักของคนในสังคมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ popular ในวงกว้างมาก ยังรู้จักแค่เฉพาะกลุ่ม การที่จะสังกัดพรรคการเมือง แล้วได้เครือข่ายของพรรคการเมืองมาช่วยสนับสนุนในเรื่องการหาเสียงในด้านต่างๆ จึงน่าจะเป็นผลดีมากกว่าลงอิสระ
เพราะอย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เอง ถึงแม้จะหาเสียงว่าเป็นผู้สมัครอิสระ แต่ในความเป็นจริงทางการเมือง ทุกคนก็รู้ดีว่า “ชัชชาติ” ก็คือ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของ พรรคเพื่อไทย และ “โทนี่-ทักษิณ ชินวัตร” นั่นเอง เพราะถึงตอนหาเสียงเลือกตั้ง “เพื่อไทย” ก็จะมาช่วยแบ็คอัพให้ “ชัชชาติ” ในแต่ละพื้นที่ของกทม. ผ่านส.ส.กทม.-อดีตส.ส.กทม.-อดีตส.ก. “เพื่อไทย” เพื่อช่วยให้ “ชัชชาติ” ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. อันจะเป็นผลดีต่อ “เพื่อไทย” ในพื้นที่กทม.ตามมาในอนาคต ถ้า “ชัชชาติ” ชนะเลือกตั้ง
เป็นไปได้ที่ ดร.เอ้ เมื่อคิดในหลักนี้ พรรคปชป.จึงถือว่ตอบโจทย์เขาทุกอย่าง เพราะการที่คนของปชป. คือ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” และ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” เคยได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม. คนละสองสมัย จึงเท่ากับ ปชป.เคยชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มาแล้วสี่สมัย เป็นพรรคที่มีฐานเสียงและแฟนคลับแน่นหนาในกทม.
ที่สำคัญ ในอดีต ปชป.ก็คือแชมป์ กทม. ทั้งส.ส.เขต และส.ก. รวมถึงสมาชิกสภาเขตกทม.หรือ ส.ข. ที่ปัจจุบันถูกยกเลิกไป ดังนั้น แม้เลือกตั้งใหญ่ 2562 ที่ผ่านมา ปชป. จะแพ้หมดรูป ส.ส.กทม.สูญพันธุ์หมด ไม่ได้ส.ส.เขตแม้แต่คนเดียว
แต่ ดร.เอ้ คงมองแล้วว่า ยังไง ปชป.ก็ยังมีฐานเสียง แฟนคลับของปชป.อยู่ เพียงแต่รอบที่แล้ว คนกทม. จำเป็นต้องปันใจไปให้พรรคอื่นอย่าง “พลังประชารัฐ” เพราะต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งหาก ปชป.และตนเอง วางแผนการหาเสียงดีๆ ก็ไม่แน่ อาจพลิกสถานการณ์ให้ ปชป.กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในกทม.ได้อีกครั้ง
ทำให้ สุดท้าย “ดร.เอ้” เลยเลือกที่จะลงสมัครกับค่ายประชาธิปัตย์
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า จริงๆ แล้วก็มีบางพรรคการเมืองมาติดต่อเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “ไทยสร้างไทย” ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่ดีลดังกล่าว ไม่เป็นผล เพราะ “ดร.เอ้” คงมองว่า มาปชป.มีโอกาสมากกว่าที่จะสังกัดพรรคตั้งใหม่ของเจ๊หน่อย หรือแม้แต่กับ “พลังประชารัฐ” (พปชร.) ที่เป็นแชมป์ ส.ส.เขตกทม. คือ 12 ที่นั่งเอง ก็เคยมีกระแสข่าวว่า มีส.ส.กทม.บางส่วนที่เป็นส.ส.รุ่นใหม่ๆ และรู้จักกับดร.เอ้ เป็นการส่วนตัว ก็พยายามเสนอชื่อ ดร.เอ้ ให้แกนนำพรรคพิจารณา แต่ชื่อไม่เข้าตา แกนนำพปชร.มากเท่าไหร่ เพราะตอนนั้น ก็มีทั้งพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองและพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อยู่ในลิสต์ไว้ก่อนอยู่แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ สถานการณ์ทุกอย่าง ระหว่าง ดร.เอ้ กับ พรรคปชป.เลยลงล็อกด้วยกันทั้งสองฝ่าย และหลังจากนี้ ก็คงต้องจับมือกัน เพื่อทำให้ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้ได้
ที่ก็เป็นเดิมพันสำคัญของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” หัวหน้าพรรค และ “พรรคปชป.” เพราะการที่ “จุรินทร์” จะทำให้พรรคปชป.กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในสนามกทม. ที่เป็นฐานการเมืองสำคัญของปชป.มาตลอดหลายสิบปี
การเรียกขวัญกำลังใจ-ความเชื่อมั่นจากคนในพรรคและกองเชียร์ ที่ดีที่สุดคือ ต้องทำให้ “ดร.เอ้” ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้ได้ เพราะหากทำไม่ได้ ปชป.แพ้เลือกตั้ง รับรอง ปชป.ขวัญกระเจิง กู่ไม่กลับแน่นอน!
โดยเฉพาะตัว “จุรินทร์” เอง ที่ระยะหลังเริ่มถูกตั้งคำถามจากคนในพรรคและนอกพรรคมากขึ้นเรื่อยๆ กับการเป็น “ผู้นำพรรค” มาได้สักระยะแล้ว แต่ปัญหาหลายเรื่องของปชป. ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาเลือดไหลออก ที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ภายในพรรค ที่ยังปรากฏให้เห็นอยู่ โดยเฉพาะหลังการลาออกไปของ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” และมีข่าวว่ายังมีอีกหลายคนในปชป. ก็กำลัง จะลาออกตามเช่นกัน ที่รวมถึงอดีตส.ส.กทม.หลายคน ที่ตอนนี้กำลังรอดูผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ก่อน เพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา “จุรินทร์” ก็ยังไม่เคยนำทัพปชป.ชนะการเลือกตั้งเลย ตั้งแต่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค แม้แต่กับเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช ที่เป็นพื้นที่เดิมของปชป. ก็ยังแพ้ เสียที่นั่งให้ “พปชร.” จน “จุรินทร์” เสียหน้าพอสมควร
เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ จึงเป็น “เดิมพันสำคัญทางการเมือง” ของ “จุรินทร์-ปชป.” ที่ต้องสู้เต็มที่ เพื่อทำให้ปชป.กลับมามีที่ยืนในกทม.ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งหาก “จุรินทร์” ทำไม่สำเร็จ ก็เสี่ยงที่จะสูญเสียสภาพการนำภายในพรรคปชป.ตามมาแน่นอน
นอกจาก “ดร.เอ้” แล้ว หลังจากนี้ รับรองได้ว่า จะเริ่มมีการเปิดตัว “แคนดิเดต” ผู้ท้าชิงผู้ว่าฯกทม.ตามมาอีกแน่นอน เพราะหลายคนที่กำลังตั้งหลักอยู่ คงต้องรีบตัดสินใจ เพราะหากเปิดตัวช้าไม่กว่านี้ อาจไม่ทันการ
โดยพรรคการเมือง-แคนดิเดต ที่หลายคนกำลังรอติดตามกันก็คือ สุดท้ายแล้ว พรรคพปชร. แชมป์ส.ส.เขต กทม. จะสนับสนุน “ผู้ว่าฯหมูป่า-ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ผู้ว่าฯปทุมธานี ที่ยังเหลืออายุราชการอีกร่วม 4 ปี ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.แบบอิสระ แต่ “พปชร.” หนุนหลัง ตามที่มีกระแสข่าวหนักขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปลายสัปดาห์หรือไม่?
หลังมีข่าวว่า ส.ส.กทม.-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.พลังประชารัฐ รวมถึงผู้สมัครส.ก.ของพปชร. บอกกับแกนนำพปชร. ตรงกันหมดว่า กระแสคนกทม. ไม่ปลื้ม “บิ๊กวิน-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. เท่าไหร่ หาก “พปชร.” เข็นต่อไป อาจแพ้ “ชัชชาติ” แบบไม่เห็นฝุ่น คะแนนทิ้งห่างกันหลายช่วงตัว จะได้อายกันทั้งพรรคพปชร. และรัฐบาลด้วย เพราะยังไง ถึงต่อให้ “บิ๊กวิน” ลงอิสระ แต่ในทางการเมือง ก็คือ แคนดิเดตชิงผู้ว่าฯกทม.ของรัฐบาลและพปชร.นั่นเอง แต่หากเป็น “ผู้ว่าฯหมูป่า” ยังน่าจะส่งไปสู้กับ “ชัชชาติ” และ “ดร.เอ้” ได้อยู่ เลยมีกระแสข่าวว่า มีการยื่นข้อเสนอจากคนในพปชร.ไปถึง “ผู้ว่าฯหมูป่่า” ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานีแล้ว ให้รีบตัดสินใจ
มองได้ว่า “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” เอง ก็คงต้องคิดหนัก เพราะด้วยอายุราชการอีกร่วม 4 ปี ยังพอมีเวลาได้เติบโตในกระทรวงมหาดไทยอีกสักระยะ เช่น ได้ลุ้นเป็นอธิบดีกรมใหญ่สักกรม อย่าง “กรมการปกครอง” ก่อนเกษียณ หรือไม่ก็ลุ้น “ปลัดมหาดไทย” ต่อจาก “บิ๊กเก่ง-สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ไปเลย แต่หากไปลงสมัครแล้วแพ้ ถึงต่อให้ตามระเบียบราชการ จะสามารถทำเรื่องขอกลับมารับราชการได้อีก แบบเดียวกับ “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” ที่เคยลาออกไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทย แล้วแพ้ให้กับ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” และต่อมาก็กลับมารับราชการเป็นตำรวจอีกครั้ง แต่สุดท้าย ก็ไปไม่ถึงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” อย่างที่นึกฝัน เพราะการเมืองเปลี่ยนขั้วหลังรัฐประหาร คสช.ปี 2557
โดยกรณีของ “พล.ต.อ.พงศพัศ” น่าจะทำให้ “ผู้ว่าฯหมูป่า” นำมาคิดกับตนเองเช่นกัน เพราะหากแพ้เลือกตั้งแล้วกลับมารับราชการที่มหาดไทยต่อ ยังไงก็ต้องโดนเพ่งเล็งเรื่องความเป็นกลางแน่นอน ยิ่งหากการเมืองเปลี่ยนขั้ว “เพื่อไทย” ขึ้นมาเป็นรัฐบาล “พปชร.”หมดอำนาจ “ผู้ว่าฯหมูป่า” ก็เสี่ยงจะติดบัญชีดำ โดนแขวน-เด้ง แน่นอน
คาดว่าภายในไม่กี่วันต่อจากนี้ หรือช้าสุดปลายปีนี้ น่าจะมีความชัดเจนว่า สุดท้ายแล้ว “ผู้ว่าฯหมูป่า” จะตัดสินใจอย่างไร กับการตัดสินใจที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ต้องเลือกจะเป็นข้าราชการต่อไปหรือเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเข้าสู่ถนนการเมือง
ทั้งหมดคือสัญญาณการเมืองที่บ่งชี้ไปในทางเดียวกัน ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.รอบนี้ มันส์แน่นอน หลังคนกรุงเทพฯ ห่างหายจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มาร่วม 8 ปี เพราะได้เลือกกันครั้งสุดท้ายตอนปี 2556 ซึ่งหากเลือกตั้งกันปี 2565 เท่ากับ การแช่แข็งเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ว่างเว้นมาถึง 9 ปี จะถูกปลดล็อกเสียที
…………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย… “พระจันทร์เสี้ยว”