วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“สร้างอนาคตไทย”เร่งจัดทัพ-ระดมคน-สะสมทุน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สร้างอนาคตไทย”เร่งจัดทัพ-ระดมคน-สะสมทุน

“พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่มี “กลุ่มอดีตสี่กุมารพลังประชารัฐ” เป็นหัวหอก เริ่มขยับการเมืองหลายระลอก หลังเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการไปแล้ว

ล่าสุดก็เปิดตัว “อาทิตย์ ชุณหชัชราชัย” หรือ “ตี้-เยาวราช” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 1 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างแกนนำสร้างอนาคตไทย คือ “อุตตม สาวนาย” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ลงพื้นที่ย่านเยาวราชก่อนถึงช่วงวันตรุษจีน 31ม..ค.-1 ก.พ.

หากเป็นตามนี้้เท่ากับ “อาทิตย์ ชุณหชัชราชัย” จะลงมาชิงชัยในพื้นที่เขต 1 กทม. เพื่อชนกับ “กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ” ส.ส.กทม.เขต 1 พลังประชารัฐ ภรรยา “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิตอลฯ ซึ่งก็เป็นแกนนำพลังประชารัฐคนหนึ่ง ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการโละกลุ่มสี่กุมาร ออกจากพลังประชารัฐ

มันก็เลยทำให้การประเดิมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.คนแรกของ “สร้างอนาคตไทย” ดูจะมีสีสันไม่น้อย เพราะดูเหมือนจะคาดหวังในตัว “ตี้-อาทิตย์” เป็นพิเศษ ถึงกับโหมโรงชูสเปกไว้ว่า เป็นลูกหลานเยาวราชแท้ ๆ-ดีกรีทางการศึกษาสุดยอด จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกา จบปริญญาโทบริหารธุรกิจที่ออสเตเลีย-เคยทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง เจพี มอร์แกน (ลอนดอน) บริษัทการเงินระดับโลก-เป็นนักบริหารและนักการเงินและเป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เจอสเปกแบบนี้เข้าไป เชื่อว่า ทีมกทม.พลังประชารัฐมีหนาวๆ ร้อนๆ กันแน่ รวมถึงทีมกทม.ประชาธิปัตย์เองด้วย โดยเฉพาะ “เจิมมาศ จึงเลิศศิริ” อดีตส.ส.กทม.เขต 1 สามสมัย ที่หวังจะกลับมาตอนเลือกตั้งรอบหน้า หลังรอบที่แล้วสอบตก ดูแล้วลำพังแค่สู้กับ “พลังประชารัฐ” ยังเหนื่อย หากต้องเจอตัวแข็งจาก “สร้างอนาคตไทย” เข้ามาอีก ถ้ารอบหน้าไม่เด็ดจริง โอกาสสอบตกรอบสองของ “เจิมมาศ จึงเลิศศิริ” ก็มีสูง

ที่สำคัญ ข่าวว่า “สร้างอนาคตไทย” ทั้ง “อุตตม-สนธิรัตน์” และ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ยังมี “ตัวทีเด็ด” อีกหลายคน ที่จะส่งลงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่จะมีทั้งคนหน้าใหม่ ดีกรีไม่ธรรมดา และอดีตนักการเมืองในพื้นที่กทม.ทั้งอดีตส.ส.-อดีตส.ก.อีกบางส่วน ที่ทางกลุ่มสมคิด มีการติดต่อทาบทามไว้แล้วหลายคน

โดยบางส่วนข่าวว่า ตอนนี้กำลังดีลกันอยู่เช่น “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีตส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์หลายสมัย แต่พอมีข่าวว่า “วิลาศ” จะย้ายพรรค ก็ทำให้ช่วงที่ผ่านมา แกนนำพรรคประชาธิปัตย์สายกทม. ได้ไปพูดคุยเพื่อโน้มน้าวให้ “วิลาศ” อยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะเกรงว่าหาก “วิลาศ” ย้ายพรรคก็อาจดึงน้องชาย “สุรันต์ จันทร์พิทักษ์” อดีตส.ส.กทม.อีกคน ออกตามไปด้วย จนทำให้มีข่าวว่า “วิลาศ” สุดท้าย อาจจะไม่ย้ายก็ได้ เพราะผู้ใหญ่ในพรรคปชป. ขอให้อยู่สู้ต่อ เพราะยังมีโอกาสที่เลือกตั้งรอบหน้า จะกลับมาได้หลังเลือกตั้งรอบที่แล้ว ทั้ง “วิลาศ” และ “น้องชาย” สอบตกทั้งคู่

การเกิดขึ้นของ “สร้างอนาคตไทย” จึงทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่หวังจะเข้ามา “แชร์เก้าอี้” ส.ส.เขต กทม. รวมถึงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในพื้นที่เลือกตั้งกทม. ที่ผลจากบัตรสองใบ จะทำให้ส.ส.เขตกทม.เพิ่มจากเดิม 30 เก้าอี้เป็น 34 เก้าอี้ จึงทำให้ กทม.เป็นพื้นที่ซึ่งหลายพรรคคาดหวังไว้สูง และต้องการเข้ามาแชร์ในตลาดเลือกตั้งแห่งนี้ ที่ก็รวมถึง “พรรคสร้างอนาคตไทย” ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน “สร้างอนาคตไทย” ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 14 เดือน หากสภาฯอยู่ครบเทอม หรือเร็วสุดที่คนคาดการกันว่า จะยุบสภาฯกลางปี เร่งสร้างแบนด์พรรคให้คนจดจำให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการหาตัวผู้สมัคร ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ภายใต้การชูเรื่อง “นโยบายเศรษฐกิจ” เป็นหลัก และจุดยืนการเมือง “ไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง”

อย่างภาคอีสาน ก็เริ่มลงพื้นที่ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ “สนธิรัตน์” และ “สุพล ฟองงาม” อดีตรมช.มหาดไทย ไปลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบนอย่าง “นครพนม” เพื่อพบปะเครือข่ายกลุ่มสร้างอนาคตไทยภาคอีสานกว่า 100 คน ที่พบว่าหลายคนก็ล้วนแล้วแต่คือเครือข่ายพลังประชารัฐเดิม สมัยสุพลและสนธิรัตน์อยู่พลังประชารัฐนั่นเอง

โดยก็มีข่าวว่า “สนธิรัตน์-สุพล” รวมถึง “ดร.สมคิด” พยายามจะใช้คอนเน็กชั่นเดิม เชื่อมต่อกับอดีตส.ส.-อดีตผู้สมัครส.ส.พลังประชารัฐในภาคอีสาน ให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย เช่นกำลังคิดจะทาบทาม “กลุ่มพลซื่อ” ของ “เอกภาพ พลซื่อ” นายกฯอบจ.ร้อยเอ็ด อดีตผู้สมัครส.ส.ร้อยเอ็ดพลังประชารัฐรอบที่แล้ว ซึ่งแพ้ให้กับ “เพื่อไทย” แต่ “เอกภาพ” กลับมาเอาชนะในสนามนายกฯอบจ.ได้

แต่สุดท้ายถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเสนอศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่า มีการปราศรัยใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.คู่แข่งฯ ที่ตอนนี้กลายเป็นคดีความกันอยู่ โดยก็มีข่าวว่า เอกภาพและภรรยา คือ “รัชนี พลซื่อ” ที่เคยลงพลังประชารัฐด้วยกันทั้งคู่ ตอนปี 2562 ก็กำลังถูกติดต่อให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทยเช่นกัน

นอกจากนี้ก็มีข่าวว่า ก็กำลังมีการติดต่อพูดคุยกับนักการเมืองท้องถิ่นภาคอีสานหลายกลุ่ม โดยเฉพาะพวกอดีตนายกฯอบจ.-อดีตนายกเทศมนตรี-อดีตสจ. ในภาคอีสาน ที่สอบตกในการเลือกตั้งท้องถิ่นแต่คะแนนในพื้นที่ดี ก็อยู่ในลิสต์ที่พรรคสร้างอนาคตไทยกำลังพิจารณากันอยู่

ขณะที่ภาคใต้ ซึ่งมี “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตส.ส. 8 สมัย ประชาธิปัตย์ เป็นกัปตันทีมคอยคุมโซนอยู่ ข่าวว่า หลายจังหวัดในภาคใต้ตอนนี้ เตรียมคนลงสมัครส.ส.ไว้เกือบ 70 เปอร์เซนต์แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่มีฐานในพื้นที่หลายสิบปี เช่น กลุ่มอดีตข้าราชการประจำเช่น อาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือพวกนักธุรกิจรุ่นใหม่ในจังหวัด ที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ มีบทบาทในสภาหอการค้าจังหวัด เป็นต้น

อย่างเช่น พัทลุง เขต 2 ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งเดิมของ “นิพิฏฐ์” ก็วางตัว “ดร.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร” ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ ซึ่งคุ้นเคยกับกลุ่มดร.สมคิดมานานแล้วตั้งแต่ “พลังประชารัฐ” ตั้งพรรคใหม่ๆ

เลือกตั้งรอบหน้าที่ “นิพิฎฐ์” จะขยับไปลงปาร์ตี้ลิสต์ แต่เจ้าตัวประกาศสู้สุดใจเพื่อหวังแก้มือ ต้องทำให้คนของพรรคสร้างอนาคตไทย เอาชนะคนของ พรรคภูมิใจไทย “ฉลอง เทอดวีระพงศ์” ส.ส.พัทลุง ที่ทำให้ตัวเองสอบตกให้ได้ ถึงขั้นประกาศกับคนในพรรคสร้างอนาคตไทยว่า เลือกตั้งรอบหน้าคือ “สงครามครั้งสุดท้าย” หากไม่สามารถทำให้พรรคมีที่ยืนในภาคใต้ได้ ก็พร้อมจะวางมือ แต่ระหว่างนี้ก็ทำสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง เพราะเป็นคนออกมาเปิดเผยและตรวจสอบข้อมูลเรื่อง “เสียบบัตรแทนกัน” ของ “ฉลอง” กับ “ภูมิศิษฎ์ คงมี” ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทยอีกคนหนึ่ง จนถูกป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ว่าทำผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการเสียบบัตรแทนกัน และตอนนี้ทั้งสองคน ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นส.ส.

สิ่งที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการสร้าง “รอยแค้น” ให้ 2 ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทยและคนในภูมิใจไทยอย่างมาก จนกลายเป็น “แค้นฝังหุ่น” ที่ทั้ง “นิพิฎฐ์” และ “ภูมิใจไทย” ต่างฝ่ายต่างรอเอาคืนกันตอนเลือกตั้งรอบหน้า

อีกทั้งมีกระแสข่าวว่า สำหรับพื้นที่เลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส” ที่การเลือกตั้งรอบหน้าจะมี ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นจาก 11 ที่นั่งเป็น 12 ที่นั่ง “อันวาร์ สาและ” ส.ส.ปัตตานี ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นส.ส.เขตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คนเดียวของประชาธิปัตย์ และที่ผ่านมามีปัญหาขัดแย้งรุนแรงกับกลุ่มจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์

ทาง “อันวาร์” ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่ามีการไปเจรจาพูดคุยกับหลายพรรคการเมือง เพื่อเตรียมย้ายพรรค โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะย้ายไปพรรคประชาชาติเพื่อร่วมงานกับ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” แต่ติดขัดที่ “อันวา” ร์ต้องการลงส.ส.เขต 1 ปัตตานีเหมือนเดิม แต่พรรคประชาชาติ เห็นว่า ยังควรส่งผู้สมัครคนเดิมคือ “วรวิทย์ บารู” ให้ลงต่อ เพราะ “วรวิทย์” อยู่กับพรรคมาตั้งแต่แรก ทำให้การพูดคุยกันดังกล่าวยังไม่คืบหน้า

ทำให้มีข่าวว่า “อันวาร์” ก็กำลังพยายามติดต่อคนในพรรคสร้างอนาคตไทย ถึงความเป็นไปได้ในการย้ายพรรคมาอยู่ด้วย ซึ่งแกนนำสร้างอนาคตไทยหลายคนก็สนใจ แต่ติดขัดตรงที่ยังเป็นห่วงว่า จากบทบาทของ “อันวาร์“ ในประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ที่ออกมาชนหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์หลายครั้ง ทำให้คนในพรรค ไม่ค่อยสบายใจเพราะเกรงว่าหากเข้ามาแล้ว จะมาสร้างปัญหาขึ้นในพรรคสร้างอนาคตไทยหรือไม่ เลยทำให้ ตอนนี้ข่าวว่ายังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเท่านั้น

พรรคสร้างอนาคตไทย@sarnganacotthaiparty

ส่วนก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสข่าวว่า จะมีบางกลุ่มการเมืองที่คุ้นเคยกับ “ดร.สมคิด” ตั้งแต่สมัยอยู่ไทยรักไทยด้วยกัน ก็กำลังรอตัดสินใจว่าจะย้ายมาสร้างอนาคตไทยดีหรือไม่ เช่น กลุ่มของ “วราเทพ รัตนากร” ในพลังประชารัฐ-กลุ่มของ “สนธยา คุณปลื้ม” ในพลังประชารัฐ เป็นต้น

ท่ามกลางข่าวหลายกระแสออกมาในช่วงนี้ว่า “ดร.สมคิด-อุตตม-สนธิรัตน์” และแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย กำลังเดินสายเจรจาพูดคุยกับคนหลายกลุ่มทั้ง กลุ่มการเมือง นักธุรกิจ กลุ่มผู้นำทางสังคม อีกหลายกลุ่มให้มาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย เพื่อรวบรวมกำลังคน-สะสมกำลังทุน ให้พร้อมมากที่สุดสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ภายใต้การโหมโรงหลายรอบของคนในพรรคว่า จะมี “เซอร์ไพรส์” ให้เห็นอีกหลายรอบ

…………..            

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย….“พระจันทร์เสี้ยว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img