วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSแกะรอยแผน“กินทีละคำ” เร่งเกมเร็ว ปิดบัญชีโค่น“ประยุทธ์”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แกะรอยแผน“กินทีละคำ” เร่งเกมเร็ว ปิดบัญชีโค่น“ประยุทธ์”

แม้จะมีเสียงเตือนให้แกนนำรัฐบาลอย่าประมาทในการโหวต ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในวาระแรกสัปดาห์หน้านี้ ที่สภาฯจะมีการพิจารณากันในช่วงสามวันต่อจากนี้คือ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.65

เพราะหากไม่เช็คเสียงกันให้ดี แล้ว “แผนยุทธการโค่นประยุทธ์” จากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ทิ้งไพ่ออกมาใช้ก่อน “ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจ” จนปรากฏว่าร่างพ.ร.บ.งบฯถูกคว่ำกลางสภาฯ ในการโหวตรับหลักการ-ไม่รับหลักการวาระแรก ที่จะโหวตกันในคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 มิ.ย. ตามที่วิปรัฐบาลวางคิวไว้ ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ต้อง “ยุบสภา” หรือไม่ก็ “ลาออก” แต่ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นร่างกฎหมายสำคัญแบบนี้ แล้วนายกฯเสนอ แต่ถูกฝ่ายนิติบัญญัติโหวตตีตก โดยหลักแล้ว ก็ต้อง “ยุบสภาฯ” มากกว่าลาออก

จึงมีเสียงเตือนวิปรัฐบาล ให้เช็คเสียงส.ส.ตอนโหวตกันให้ดี อย่าประมาทเด็ดขาด

ซึ่งก็พบว่า ฝ่ายแกนนำรัฐบาล-วิปรัฐบาล ดูจะมั่นใจว่า การโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯน่าจะผ่านไปได้ ไม่น่าจะมีปัญหา

ยิ่งมีการ “เตือน” มาล่วงหน้าแบบนี้ ยิ่งทำให้วิปรัฐบาล และแกนนำพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ยิ่งต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นไปอีก ในการเช็กเสียงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงพรรคเล็ก

ทำให้แม้มีกระแสข่าว “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แกนนำ-เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย จะจับมือกับส.ส.พรรคเล็ก รวมเสียงกันให้ได้จำนวนหนึ่ง แล้วจะมาต่อรองกับรัฐบาล เพื่อป่วนการลงมติการโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯในวาระแรก ในลักษณะ “ลองเชิงวิปรัฐบาล” ให้ต้องใช้กำลังภายใน เช็คเสียงส.ส.ตอนโหวตกันแบบพรรคต่อพรรค

แต่เมื่อดูจากสถานการณ์การเมืองแล้ว แม้ฝ่ายค้านจะขู่ว่าอาจจะลงมติคว่ำร่างพ.ร.บ.งบฯ แต่หากวิปรัฐบาลไม่ประมาท ตั้งรับกันมาดี มีการเช็คเสียงกันทุกชั่วโมง ไม่ให้ส.ส.รัฐบาล ขาดหายไปโดยไม่จำเป็น ผนวกกับเสียงส.ส.รัฐบาลก็มีมากกว่า ฝ่ายค้านร่วมๆ 20-30 เสียง โดยไม่นับ 16 เสียง ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยของ “ธรรมนัส” เพราะเสียงหนุนรัฐบาลบางส่วน ก็อยู่ในพรรคฝ่ายค้านทั้ง “เพื่อไทย-ก้าวไกล-ประชาชาติ”

จึงทำให้ วิปรัฐบาลยังมั่นใจว่า “คุมได้-เอาอยู่” ยังไง ร่างพ.ร.บ.งบฯน่าจะผ่านไปได้ แต่ของแบบนี้ วิปรัฐบาลก็คงระวังมากขึ้น หลังมีเสียงเตือน

อีกทั้ง จุดหนึ่งก็ต้องไม่ลืมว่า การที่ส.ส.จะลงมติคว่ำร่างพ.ร.บ.ฉบับไหน อย่างน้อยมันต้องมีเหตุมีผลทางการเมืองมารองรับเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ยังไม่ได้มีการนำไปใช้เลยแม้แต่บาทเดียว เมื่อเงินยังไม่มีการนำไปใช้ จึงยังไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น 

ขณะเดียวกัน งบหลายตัวหลายโครงการ ก็เป็นแค่การตั้งงบไว้ในร่างพ.ร.บ.ฯ ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า สุดท้ายหากเห็นว่า งบกระทรวงไหน โครงการใด ตั้งมาสูงเกินไป หรือเป็นงบที่ไม่มีความจำเป็น ก็สามารถไปตัด-แก้ไข ยกออกไปได้ หรือไม่ก็ปรับลดงบลงมาได้ในวาระสองฯ และในชั้นกรรมาธิการได้

ดังนั้น ถ้าจะอ้างเหตุผลในการไม่ให้ผ่านร่างพ.ร.บ.งบฯ โดยอ้างว่าทุจริต เลยให้ผ่านไปไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ยังแปลกๆ อยู่

ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายรัฐบาลจึงยังมั่นใจว่า คุมเสียงส.ส.ให้โหวตผ่านร่างพ.ร.บ.งบฯไปได้ เพียงแต่เพื่อความไม่ประมาท ก็อาจต้องคุมเสียงให้เข้มงวดกว่าปกติ

หลังมีบางฝ่ายทางการเมือง โดยเฉพาะคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลอย่าง “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ที่ออกมาเตือนว่า การคว่ำรัฐบาลในการอภิปรายงบประมาณ ง่ายกว่าการคว่ำในอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะรัฐบาลไม่ได้ระวังตัว ไม่ได้เตรียมรับมือ รวมถึงการโหวตในสภาการลงมติคว่ำงบประมาณใช้เสียงแค่ครึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่อยู่ในที่ประชุมเท่านั้น แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่า ส.ส.จะเข้าประชุมกี่คน ก็ต้องมีเสียงมากกว่า 239 เสียงถึงจะคว่ำรัฐบาลได้ เหตุผลเหล่านี้ ขอเตือนให้รัฐบาลระวังตัวไว้

“การเดินเกมคว่ำรัฐบาลในการอภิปรายงบประมาณของฝ่ายค้าน มีแต่ได้กับเสมอตัว ไม่มีข้อเสีย ถ้าเกิดพลาดในงบประมาณ ก็ไปคว่ำต่อในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อีกครั้ง ครั้งนี้ก็เปรียบเสมือนได้ซ้อมใหญ่ก่อนถึงวันเชือด เหตุผลที่ฝ่ายค้านเล่นเกมคว่ำรัฐบาลเร็วขึ้น เพราะกำลังทำตามยุทธศาสตร์กินทีละคำของนายทักษิณ ชินวัตร ที่จะปูทางไปสู่การเลือกตั้งในอนาคตนพ.ระวี แกนนำพรรคเล็กสายหนุนพล.อ.ประยุทธ์ส่งเสียงกระตุกเตือนรัฐบาลไว้ล่วงหน้า

ทั้งนี้หากมองการเมืองแบบข้ามช็อต หากสุดท้าย วิปรัฐบาล-แกนนำรัฐบาล” ไม่ประมาท มีการเช็คเสียงส.ส.รัฐบาลกันอย่างละเอียด ไม่ให้เสียที เพลี่ยงพล้ำตอนโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯ ซึ่งหากสมมุติว่า รัฐบาลผ่านด่านนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ผลการลงมติที่จะออกมาตอนโหวตร่างพรบ.งบฯ 2566 มองได้ว่า ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างก็ได้เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ “ได้เห็นคะแนนเสียงฝั่งตัวเอง”

คือวิปรัฐบาลก็ได้เห็นหน้าตัก คะแนนส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกันตอนนั้นว่า มีเสียงอยู่ในมือเท่าไหร่กันแน่ เพราะด้วยการเมือง ระยะหลังมีทั้ง “งูเห่า” และ “งูฝากเลี้ยง” คือชื่ออยู่พรรคการเมือง แต่ในทางการเมืองไปอยู่กับอีกพรรคการเมือง

รวมถึงระยะหลังมีพวกส.ส.โดนหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่หลายคน ทำให้ที่เคยมีการขานเสียงส.ส.รัฐบาลว่า มีเท่านั้นเท่านี้ จริงๆ แล้ว เสียงยังแกว่งอยู่พอสมควร แต่เสียงโหวตที่จะออกมาที่เป็นเสียงหนุนร่างพ.ร.บ.งบฯ จะทำให้วิปรัฐบาลและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้เห็นหน้าตักเสียงของตัวเอง ทำให้ประเมินเสียงและสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลได้ ตอนไปถึงศึกซักฟอก การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าเสียงส.ส.รัฐฐาลจะมีกี่คนกันแน่ เพื่อทำให้วิปรัฐบาล สามารถประเมินและคาดการได้ว่า เมื่อไปถึงตอนศึกซักฟอก เสียงที่จะโหวตหนุนรัฐบาลจะมีประมาณกี่คน

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านก็ได้เช่นกัน เพราะแม้รัฐบาลจะไม่เพลี่ยงพล้ำ ในตอนโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯ แต่ก็ทำให้ฝ่ายค้านเองก็ได้เห็น ชื่อของ “ส.ส.งูเห่า” แบบอัพเดทล่าสุด ว่ามีกี่คนกันแน่ เพราะการโหวตกฎหมายสำคัญๆ แบบนี้ อาจทำให้ “ส.ส.งูเห่าในฝ่ายค้าน” ถึงเวลาต้องแสดงตัว ไปช่วยโหวตสนับสนุนรัฐบาล ก็ทำให้ฝ่ายค้านได้เห็นว่า ถึงตอนนี้ที่สภาฯใกล้ครบสี่ปีเข้าไปเรื่อยๆ พวกส.ส.ที่ชื่ออยู่ฝ่ายค้าน แต่ใจอยู่รัฐบาล มีใครบ้าง มีกี่คน เพื่อที่แต่ละพรรคการเมืองในฝ่ายค้าน จะได้รู้ว่า สถานการณ์งูเห่าตอนนี้ของแต่ละพรรค มีกี่เสียงและมีใคร เพื่อที่ถึงตอนศึกซักฟอก หากฝ่ายค้านต้องการล้มพล.อ.ประยุทธ์กลางสภาฯจริง ฝ่ายค้านก็จะได้รู้ว่า จะต้องไปหามากี่เสียง ถึงจะได้ตัวเลขส.ส.ที่จะโหวตไม่ไว้วางใจ หรือไม่โหวตไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์

เรียกได้ว่า แม้ล้มรัฐบาลตอนอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบฯไม่ได้ แต่ฝ่ายค้านก็ได้ประโยชน์หลายอย่าง ในการทำให้รู้ขุมกำลังของตัวเอง ในการไปต่อยอด เพื่อที่จะวางแผนเคลื่อนไหวโค่นพล.อ.ประยุทธ์ ที่ฝ่ายค้านประกาศเร่งเกมเร็ว เพื่อปิดบัญชีพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจากเดิมจะยื่นญัตติเดือนส.ค.65 ก็ขยับมายื่นให้เร็วขึ้นในช่วงกลางเดือนมิ.ย.65 เพื่อหวังปิดบัญชี โค่นรัฐบาล3ล้มประยุทธ์ให้เร็วขึ้น ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ งานนี้ห้ามกระพริบตา รับรองระอุ

ยิ่งเมื่อ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เข้ามาล้างไพ่ ยึดอำนาจทุกอย่างในพรรคเศรษฐกิจไทยเบ็ดเสร็จแล้ว หลังจากวางแผนให้ลูกทีม ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อบีบ “พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” จนสุดท้ายแยกทางกันเดินกับพล.อ.วิชญ์ และเมื่อธรรมนัส เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เต็มตัวในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะทำให้ “พรรคฝ่ายค้าน-เพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร” ได้แนวร่วมสำคัญ มาเป็นแนวร่วมโค่นประยุทธ์ ร่วม 16 เสียง

หาก “ธรรมนัส” เอาแน่ใน “ยุทธการเอาคืน” ปิดบัญชีแค้นกับพล.อ.ประยุทธ์หลังถูกริบเก้าอี้ “รมช.เกษตรฯ” มาจะร่วมปี ผนวกกับ “ธรรมนัส” ก็มีการดูแลส.ส.พรรคเล็กมาตลอดร่วมสามปี แม้ระยะหลังข่าวว่า การดูแลเริ่มฝืดเคือง ไม่ล่ำซำเหมือนในอดีต สมัย “ธรรมนัส” ยังเป็นรัฐมนตรี แต่ด้วยสายสัมพันธ์-การดูแลของ “ธรรมนัส” ที่มีต่อพรรคเล็ก ก็ทำให้ มีโอกาสที่ “ธรรมนัส” จะไปดึงเสียงส.ส.พรรคเล็กมาร่วมวง “เขย่า-ขย่ม” รัฐบาลประยุทธ์ได้

หลังกระแสข่าว “ดีลลับ” สัญญาใจ ระหว่าง “ธรรมนัสกับคนแดนไกล” ระยะหลัง เริ่มแน่นแฟ้นขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีข่าว เลือกตั้งเสร็จรอบหน้า หากเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาล ก็จะดึงพรรคเศรษฐกิจไทยมาร่วมรัฐบาลด้วย หรือไม่ก็ใช้สูตร เลือกตั้งเสร็จ หากเศรษฐกิจไทยได้ส.ส.จำนวนหนึ่ง โดยหากเห็นว่า อยากยุบมารวมกับเพื่อไทยดีกว่า ทักษิณ ก็พร้อมสั่งให้เพื่อไทยเปิดประตูรอรับ โดยมีทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีและเก้าอี้แกนนำในพรรคเพื่อไทยให้เป็นการซื้อใจ

ด้วยเหตุนี้ “แกนนำเพื่อไทย-เพื่อไทย-ทักษิณ” ช่วงนี้เลยคึกคักเป็นพิเศษ พยายามเร่งเกมเร็ว ปิดบัญชีโค่นประยุทธ์ เพราะมั่นใจว่า เรตติ้งกระแสนิยม “บิ๊กตู่” ขาลงแล้ว เห็นได้จากผลการเลือกตั้งสนามกทม.ที่ออกมา ที่ฝ่ายพลังประชารัฐแพ้ย่อยยับ และฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกันในสนามกทม.

เลยทำให้ “เพื่อไทย” เลยต้องเร่งตีเหล็กตอนกำลังร้อนเต็มที่ ทั้งการอาจแสดงฤทธิ์เดช ก่อนยกแรกผ่านการโหวตร่างพ.ร.บ.งบฯ สัปดาห์หน้านี้ ซึ่งหากรัฐบาลคุมเสียงมาดี จนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายค้านก็เตรียมก็อกสอง ในศึกซักฟอก โดยจะเร่งยื่นญัตติให้เร็วขึ้นเพื่อขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ช่วงปลายเดือนมิ.ย.หรือไม่ก็ไม่เกินกลางเดือนก.ค.

ทั้งหมด ล้วนเป็นแผนเร่งปิดบัญชีการเมือง เพื่อลากพล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่แดนสังหาร คิลลี่งโซนการเมือง นั่นเอง!!!

………………

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย..“พระจันทร์เสี้ยว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img