ในจังหวะที่หลายพรรคการเมือง ทั้งปีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน เคลื่อนไหวทำกิจกรรมการเมืองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งกันคึกคัก
โดยเมื่อเพ่งไปที่ “พรรคสีฟ้า-ประชาธิปัตย์” (ปชป.) พบว่า ปชป.ยุคที่มีสามแกนนำเป็นคนกำหนดทิศทางพรรคอย่างแท้จริงคือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์” หัวหน้าพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรค “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรค ได้มีการเตรียมการเลือกตั้งอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะพื้นที่ “ภาคใต้-กรุงเทพมหานคร” ที่เคยเป็นสองพื้นที่สำคัญของปชป.มาหลายสมัย แต่เลือกตั้งรอบที่แล้ว ปี 2562 ปชป.พลาดท่าทั้งสองสนาม อย่างภาคใต้ ก็ถูกทั้ง “พลังประชารัฐ” และ “ภูมิใจไทย” เจาะจนพรุน ขนาด “ตรัง” จังหวัดของ “ชวน หลีกภัย” ยังโดนพลังประชารัฐ เข้าไปแย่งมาได้หนึ่งเก้าอี้
ส่วน “กทม.” ยิ่งไม่ต้องพูดถึง จากที่เคยเป็นแชมป์ส.ส.เขตกทม. ตอนเลือกตั้งปี 2554 แต่เลือกตั้งปี 2562 กลับ “สูญพันธุ์” ไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว
ทำให้แม้ปชป.จะคาดหวังและวางแผนต้องได้ส.ส.เขตและคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในหลายพื้นที่เช่น ภาคกลาง-ตะวันออก แต่ “จุรินทร์-เฉลิมชัย-นิพนธ์” ก็วางน้ำหนักไว้ที่ ปักษ์ใต้และเมืองหลวง กทม. มากที่สุด
ดูได้จากสัปดาห์ที่แล้ว ช่วงเสาร์-อาทิตย์ แกนนำพรรคก็ยกพาเหรดลงพื้นที่ภาคใต้สองวันติด คือที่ “สตูล” ตามด้วย “สงขลา” โดยเฉพาะที่สงขลา มีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่และเปิดตัวผู้สมัครส.ส.เขตเกือบทั้งภาค และมีการเปิดตัว ผู้สมัครส.ส.เขต หน้าใหม่ด้วย โดยมีคนมาร่วมงานหลายพันคน ทำเอา “เฉลิมชัย” เกิดลูกฮึด ประกาศกลางเวทีอีกครั้ง หากเลือกตั้งรอบหน้า ปชป.ได้ส.ส.น้อยกว่าปี 2562 คือน้อยกว่า 52 เก้าอี้ ก็จะ “วางมือการเมืองตลอดชีวิต”
อย่างไรก็ตาม สนามเลือกตั้งภาคใต้รอบหน้า ที่จะเพิ่มจาก 50 ที่นั่งเป็น 58 ที่นั่ง การเพิ่มขึ้นมา 8 เก้าอี้ ผนวกกับ พื้นที่ภาคใต้ จากผลเลือกตั้งปี 2562 ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ภาคใต้…ปชป.ไม่ได้ผูกขาดเก้าอี้” เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหลายพื้นที่ของปชป. ที่ก่อนหน้านี้หลายพรรคการเมืองเคยพยายามเจาะ แต่เจาะไม่เข้า เช่น ตรัง-ภูเก็ต-ระนอง-พัทลุง-สงขลา-นครศรีธรรมราช แต่เลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งพลังประชารัฐและภูมิใจไทยเจาะเข้าได้หมด
เช่นเดียวกับ พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส” ที่ปชป.แข่งกับกลุ่มของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หรือ “วาดะห์เดิม” มาตลอด แบบผลักดันแพ้ผลัดกันชนะมาร่วมยี่สิบกว่าปี แต่เลือกตั้งที่ผ่านมา กลุ่มวันนอร์ ใช้ยุทธศาสตร์ใหม่ ออกไปตั้ง “พรรคประชาชาติ” เพื่อ “หนีเงา” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” จนประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ทำให้ปชป.ได้ส.ส.เขตแค่คนเดียวที่ปัตตานี
ลำพังแค่สู้กับ “พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาชาติ” ก็หนักแล้ว แต่เลือกตั้งรอบหน้า ยังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีก คือ “สร้างอนาคตไทย” ที่ได้ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ไปคุมพื้นที่ภาคใต้ กับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่จะมี “วิทยา แก้วภราดัย” และ “วิสุทธิ์ ธรรมเพชร” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เป็นหัวเรือใหญ่ดูแลภาคใต้และมีข่าวว่ากลุ่มลูกหมี “ชุมพล จุลใส” ก็จะยกทีมชุมพร มาที่รวมไทยสร้างชาติด้วย ส่วน “พรรคไทยสร้างไทย” ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ก็หวังในพื้นที่ภาคใต้ไม่น้อย โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นได้จากที่ลงพื้นที่ค่อนข้างบ่อย ที่แม้อาจไม่หวังส.ส.เขต แต่ก็คงหวังจากเสียงบัตรปาร์ตี้ลิสต์
ทำให้เลือกตั้งรอบหน้า สนามภาคใต้ ปชป.ก็ยังหนักเหมือนเดิม เพราะต้องสู้กับทั้ง “ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐ-ประชาชาติ-รวมไทยสร้างชาติ-สร้างอนาคตไทย” โดยอาจมีคู่แข่งอื่นๆ อย่าง “ไทยสร้างไทย-พรรคกล้า” หรือแม้แต่กับ “เพื่อไทย” มาขอแจมคะแนนไปบ้างในระบบปาร์ตี้ลิสต์
ส่วน “กรุงเทพมหานคร” ก็พบความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปชป.ก็มีการประชุม อดีตส.ส.กทม.-อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.ของปชป. รวมถึงอดีตผู้สมัครส.ก.ที่ไม่ชนะเลือกตั้งส.ก.เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมความพร้อม และวางแผนการหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่กทม. ซึ่ง “จุรินทร์” และ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม. ของพรรค เข้าร่วมประชุมด้วย
ซึ่งสนามเลือกตั้งกทม.เริ่มเห็นการจัดทัพของปชป.บ้างแล้ว เพราะแน่ชัดว่า ปชป.จะดันและให้บทบาท กับ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์” ในการเป็นคีย์แมนพรรคปชป.ในพื้นที่กทม. โดยคาดว่า น่าจะให้ “ดร.เอ้” ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อจะได้ให้ไปช่วยหาเสียงในหลายพื้นที่ทั่วกทม. เพราะถึงแม้ “ดร.เอ้” จะแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แต่การที่มาอันดับสอง โดยได้คะแนน 254,723 เสียง มากกว่าคนอื่น ทั้ง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร-สกลธี ภัททิยกุล-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ก็ถือว่าพลิกความคาดหมายระดับหนึ่ง ผนวกกับการที่ปชป.ได้ส.ก.มา 9 ที่นั่ง ขณะที่ผู้สมัครส.ก.ที่แพ้ ก็พบว่าบางเขต ก็แพ้แบบคะแนนพอลุ้น ไม่ได้ทิ้งห่างมาก แม้จะพบว่าคะแนนรวมของผู้สมัครส.ก.ทั้งหมด 50 เขต ของปชป.คือ 348,852 คะแนน ที่ยังตามหลังทั้ง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” แต่ก็มาอันดับสาม ดีกว่า “พลังประชารัฐ” ที่เคยเป็นแชมป์ส.ส.เขต กทม.ตอนเลือกตั้งปี 2562 เสียอีก ที่พลังประชารัฐ ก็ส่งครบ 50 เขต แต่ได้มาแค่ 274,970 คะแนน
ทั้งหมด ทำให้ แกนนำปชป.มั่นใจว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้น สนามกทม. พรรคปชป. “ฟื้นแน่-ไม่สูญพันธุ์”
และที่ต้องจับตาก็คือ “มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ลาออกจากส.ส.ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ “มาดามเดียร์” ยังไม่บอกชัดว่าจะไปอยู่กับพรรคการเมืองไหน หลังมีข่าวว่าถ้าไม่ไป “พรรคสร้างอนาคตไทย” ของ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์-ดร.อุตตม สาวนายน” ก็น่าจะเป็น ปชป. แต่ข่าวว่า มีแนวโน้ม จนถึงตอนนี้ น่าจะรอใส่เสื้อ ปชป.มากกว่า
แม้ที่ผ่านมา “มาดามเดียร์” มีสายสัมพันธ์อันดีกับ “อุตตม” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะทั้งสองคนคือคนที่ดึง “มาดามเดียร์” เข้าสู่การเมือง ลงส.ส.พลังประชารัฐ ตอนช่วงเลือกตั้งปี 2562 และยังให้มาดามเดียร์ดูแลเรื่องการพีอาร์ประชาสัมพันธ์พรรคและส่งลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ อันดับต้นๆ คืออันดับ 19 จนได้เป็นส.ส.มาร่วมสามปีกว่า แต่มีข่าวว่า สุดท้ายตอนนี้อาจไปอยู่กับปชป.
หลังมีข่าวลือจากพรรคสีฟ้าว่า เบื้องต้น แกนนำพรรคปชป.คุยกับทีมงานการเมืองมาดามเดียร์แล้ว โดยเสนอว่า หากมาเข้าพรรคปชป. ก็จะให้ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้นๆ ประมาณอันดับที่ 12-14 ที่การันตีการได้เป็นส.ส.แน่นอน อีกทั้งจะให้มีบทบาทในพรรคค่อนข้างเยอะ เช่น ให้ช่วยรับผิดชอบช่วยหาเสียงพื้นที่กทม.คู่กับ “ดร.เอ้” และมาช่วยดูแลงานด้านการประชาสัมพันธ์พรรคด้วย ทำให้มีกระแสข่าวว่า มีแนวโน้มสูง “มาดามเดียร์” จะไปพรรคปชป. เว้นแต่เปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย
ทั้งหมดคือจังหวะรุกของปชป.ในการทวงคืนปักษ์ใต้และกทม. ที่แกนนำพรรค คงไม่หยุดเพียงเท่านี้
……………………………………..
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย…“พระจันทร์เสี้ยว”