“รัฐบาลบิ๊กตู่” ใช้อำนาจกรณีฉุกเฉินเต็มคาราเบล!! คลอด “พ.ร.ก.ค้ำประกันหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” วงเงินไม่เกิน 150,000 ล้านบาท
ส่งสัญญาณนับจากนี้เป็นต้นไป ประเทศไทยปิดประตูอีกหลายปีที่ประชาชนมีโอกาสใช้น้ำมันราคาถูกกว่านี้ เพราะสถานะกองทุนน้ำมันฯถังแตก ติดลบกว่า 130,000 ล้านบาท
ซึ่งขณะนี้ยังคงควบคุมราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร หากไม่อุดหนุนอยู่ที่ 38-39บาทต่อลิตร และควบคุมราคาก๊ชหุงต้มไม่เกิน 400 บาทต่อถัง 15 ก.ก. หากไม่อุดหนุนอยู่ที่ 592 บาทต่อถัง 15 ก.ก.
ทั้งหมดเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ปรับตัว “2 ขั้วอำนาจโลก” ขับเคี่ยว ชิงเหลี่ยมผ่านทุกแพลตฟอร์ม โดยมีสมรภูมิรัสเชีย-ยูเครน เป็นสนามทดสอบศักยภาพของ 2 ขั้วอำนาจโลก
เมื่อสถานการณ์พลังงานโลกคลี่คลาย กองทุนน้ำมันฯย่อมต้องหักเข้ากองทุนก่อน เพื่อทยอยใช้หนี้คืนกระทรวงการคลัง
กลายเป็นภาระลูกหลานในอนาคต และประชาชนจำยอมใช้น้ำมันและก๊าซหุงต้มแพงหูฉี่ต่อไปยาว ๆ แต่โรงกลั่นน้ำมัน บริษัทน้ำมันรวยพุงกระเพื่อม
ต้องยอมรับว่า “น้ำมัน-ก๊าช” เป็น “สินค้าการเมือง” เพราะเกี่ยวข้องกับอำนาจ-ผลประโยชน์ ที่รัฐบาลต้องแชร์ให้ลงตัวระหว่างผลประโยชน์ของประชาชนกับผลประโยชน์ของกลุ่มทุนน้ำมัน
โดยระหว่างพ.ร.ก.ค้ำประกันหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญ
แน่นอนฝ่ายรัฐบาลยกแม่น้ำทั้งห้า ชี้ถึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ หวังประคับประคองเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้
แม้กลางประชุมสภาฯไฟเขียวเห็นชอบ 239 เสียงจาก 475 เสียง แต่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ควรเอาข้อเสนอของส.ส.ที่ปรับ เพื่อลดภาระหนี้กองทุนน้ำมันฯ อาทิ อุดหนุนกลุ่มใช้น้ำมันดีเซลที่เป็นผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รถรับจ้าง ไม่ควรอุดหนุนกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ราคาแพงที่ใช้น้ำมันดีเซล และที่ผ่านมามีหลายฝ่ายเสนอให้ กองทุนน้ำมันฯจัดเก็บเงินจากโรงกลั่นน้ำมันในช่วงที่ค่าการกลั่นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภาวะปกติ
โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ชัดว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันฯ มีอำนาจเรียกเก็บส่วนต่างของค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน-น้ำมันดีเซลจากโรงกลั่นได้ ภายใต้กรอบของคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เป็นผู้กำหนด ชุดนี้มีนายกฯ เป็นประธาน
แม้ตามพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดประตูให้โรงกลั่นที่ถูกเรียกเก็บเงินส่วนค่าการกลั่นเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมันฯ โรงกลั่นสามารถรีดเลือดกับปู คือประชาชนได้ โดยเพิ่มราคาขาย สุดท้ายตกเป็นภาระของประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้บริษัทน้ำมันร่ำรวยบนความทุกข์ของประชาชน บางบริษัทน้ำมันในปีที่คนไทยทุกข์ยากจากราคาน้ำมัน บริษัทนี้กำไรสุทธิกว่า 100,000 ล้านในปี 64 และปี 65 แค่ไตรมาส 2 กำไรกว่า 60,000 หมื่นล้านบาท
รัฐบาลลุงตู่ครับ!! รื้อพ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน เก็บเงินจากโรงกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันฯ หากรักพี่น้องประชาชนจริง…อย่าผลักภาระให้กันอีกเลย #กระอักเลือดเป็นน้ำมันแล้ว!!
…………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
