ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ช้าหรือเร็ว ยังกลายเป็นประเด็นการเมือง โดยฝ่ายค้านหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
พุ่งเป้าไปที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ถล่มแผนการจัดหาวัคซีน 65 ล้านโดส…ล่าช้า แถมเน้นวัคซีนแอสตราเซเนกาเพียงรายเดียว
เจ้ากระทรวงตีโต้กลับ “ตั้งแต่มีโควิดเข้ามาในสมองของผม คำต่อไปคือวัคซีน” บ่งบอกว่าไม่ล่าช้า
จบศึกซักฟอก “เสี่ยหนู” หัวใจพองโตกว่าใครได้คะแนนไว้วางใจสูงกว่าบรรดา 9 รัฐมนตรี
นับจากนี้ไปความล่าช้าจัดหาวัคซีนหรือการฉีดสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชาชน นักการเมืองควรหยุดนำมาเป็นประเด็นการเมืองอีกต่อไป ในเมื่อผู้กุมอำนาจเน้นถึงแผนการจัดหาวัคซีนล่าช้า เพราะต้องการให้ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
แต่อย่าปล่อยให้มีขบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากวัคซีนและอุปกรณ์ควบสำหรับฉีดวัคซีน
วันนี้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้าน รัฐบาล ศบค. ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ควรร่วมมือร่วมใจช่วยเสนอแนวทางการรับมือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต
เพราะวัคซีนซิโนแวคป้องกันโควิดล็อตแรกมาถึงไทยแล้ว กว่าจะได้มากลไกรัฐต้องประสานทุกช่องทาง โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ยกหูฮอตไลน์สายตรงถึงประธานาธิบดีจีน สี จิ้น ผิง เลยทีเดียว
นับจากนี้ผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน “หากใครเสียชีวิต” จากเหตุนี้ควรทำอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ฉีดแล้วมีคนตายก็หยิบมาเป็นประเด็นการเมืองทำลายล้างกันและกัน บั่นทอนกำลังใจแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานด้วยความยากลำบาก เหนื่อยล้า
วันนี้ควรพิจารณาต่ออีกว่า “วัคซีนค่ายใด” ที่ชาวต่างชาติฉีดครบ 2 โดสแล้ว ศบค.เปิดให้บินเข้าท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยต้องไม่ต้องผ่านด่าน “สเตทควอรันธีน” สะดวกสุดใช้ค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) การันตีวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่มีอาการข้างเคียงรุนแรง มีประสิทธิผลกับสายพันธุ์ที่มีการระบาดส่วนใหญ่
“วัคซีนคือความหวังของภาคธุรกิจท่องเที่ยวในปี 64….รัฐดำเนินงานตามแนวทางที่เสนอ นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3” นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว ระบุ
หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้หาแนวทางดึงชาวต่างชาติที่ผ่านด่านถูกฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย โดยมีพาสปอร์ตวัคซีนเป็นกุญแจเข้าออกประเทศโดยไม่ต้องกักตัว
“ราษฎรเต็มขั้น” ขอเสนอให้รัฐควรเตรียมสายการบินระหว่างประเทศขนนักท่องเที่ยวให้พร้อมสรรพ โดยเฉพาะสายการบินไทย ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ทำอย่างไรให้ปิดจ๊อบเร็วที่สุด เพื่อเปิดรับโอกาสทองขนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา
ขณะเดียวกันควรเตรียมงบประมาณปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำเตี่ยเรี่ยดิน ให้โรงแรมหรือที่พักเล็กที่ปิดตัวไปกว่า 3,500 แห่ง หรือใช้วิธีอื่นที่เหมาะสม เพื่อให้จัดเตรียมห้องหับที่พักในราคาเหมาะสมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และ “รัฐบาลลุงตู่” ควรตั้ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารไทย เพื่อออกใบอนุญาตให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เป็นมาตรฐานกลาง โดยกำหนดสัดส่วนของอาหารแต่ละชนิด ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้างที่มาจากประเทศไทย ถึงขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารจากไทยแลนด์ ถึงได้ใบอนุญาต
พร้อมยก “อาหารไทยสู่ระดับพรีเมี่ยม” โดยกำหนดแหล่งที่มาของวัตถุดิบแต่ละชนิด เพื่อสร้างสตอรี่ชวนชิมลิ้มรส เช่น ข้าวผัดกะเพราเนื้อ ใช้เนื้อโคขุนโพนยางคำ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้อินทรีย์ กะเพราอินทรีย์เขาใหญ่ กระเทียมปลอดสารเชียงราย พริกขี้หนูอินทรีย์จากแหล่งที่ดีที่สุดในประเทศไทย
อย่างน้อยสานต่อ ครัวไทยสู่ครัวโลก โดยเริ่มจริงจังในจังหวะที่เรามีวัคซีน ข้อเสนอเหล่านี้ทำได้ทันที โดยไม่ต้องรองบประมาณปี 2565 ให้เมื่อยตุ้ม!!
……………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย : “ราษฎรเต็มขั้น”