เลือกประธานสภาฯ ระวังเกมพลิกล็อก

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแท่นประกาศรับรองส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งล็อตแรก 21 มิ.ย.66 จำนวน 329 คน ที่เหลืออีก 71 คนรอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เคลียร์ข้อร้องเรียนได้แค่ไหน และผิดกับส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คนที่ยังไร้วี่แววประกาศรับรองผล

หรือติดเงื่อนไขคดีปกครองตามท้องเรื่อง 3 พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคพลัง พรรคแรงงานสร้างชาติ และ พรรคเพื่อชาติไทย ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อไต่สวนฉุกเฉินคุ้มครองชั่วคราว ไม่ให้กกต.รับรองส.ส.บัญชีรายชื่อ ฐานคะแนนเขย่ง จำนวนบัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ระหว่างที่รอผลประกาศจาก กกต. อย่างเป็นทางการ 8 พรรคร่วมที่ฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล นำโดย พรรคก้าวไกล ได้วางไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลชุดใหม่

เริ่มจาก กกต. รับรองผลการเลือกตั้งระหว่าง 16-27 มิ.ย. ครบ 475 คน หรือ 95%, รัฐพิธีเปิดประชุม รัฐสภานัดแรก 14 ก.ค., เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร 17 ก.ค. และรองประธานสภาฯ 2 ท่าน

ประชุมรัฐสภาเลือกนายกฯ 22-27 ก.ค. ตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) 29 ก.ค.-3 ส.ค. และจากนั้นรอฤกษ์ยามงามดีนายกฯ นำครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์

เมื่อมีนายกฯ และครม.จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ครม.เข้ารับหน้าที่ ก่อนบริหารราชการแผ่นดินต่อไป

ขั้นตอนสำคัญที่สุดสำหรับ 3 สูตรการเมือง ระหว่าง 1.พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคเพื่อไทยเเป็นแนวร่วม กับ 2.พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคก้าวไกลเป็นแนวร่วม และ 3.พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคการเมืองอีกขั้วเป็นแนวร่วม

เกาะริงไซด์ดูศึกชิงประธานสภาฯ อย่ากระพริบตา ถึงวันนี้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยยังเคลียร์ใจกันไม่จบ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล และยืนกระต่ายขาเดียว ให้คนของตัวเองขึ้นเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

เพราะเป็นตำแหน่งที่เป็นตัวกำหนดเกมโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ในยุคนิติสงครามชิงอำนาจปกครองประเทศไทย

ล่าสุดเต็งหนึ่งอย่าง “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” แกนนำพรรคก้าวไกล ก็หลุดโผ และเตรียมบุคคลที่เหมาะสมส่งเข้าประกวด ต่างกับพรรคเพื่อไทยยืนยันตัวเต็งที่ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค

แม้ปีกนี้มีเสียงรวมกันถึง 312 เสียงต่อ 188 เสียง ดูมุมไหนตราบใดที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยปิดดีล ตำแหน่งประธานสภาฯ ย่อมอยู่ปีกส้มผสมปีกแดง

แต่เริ่มมีการเดินเกมแรงพลิกให้ลมเปลี่ยนทิศ ประเคนเก้าอี้ให้ตกอยู่ในกำมือพรรคเพื่อไทย ทำสำเร็จหรือไม่ ตามลุ้นทีเด็ด เพราะต้องใช้ส.ส.ถึง 72 คนใน 312 คน หักดิบมาช่วยโหวตลงคะแนนลับให้เกิน 251 เสียง

ทางกายภาพภายใน 2 พรรคยืนอยู่คนละขั้วการเมือง เหมือนน้ำกับน้ำมัน เข้ากันไม่ได้ รอเพียงจังหวะที่ขยับแล้วแฟนคลับยอมรับเท่านั้นก็พร้อมลุย

ที่สำคัญคนในพรรคเพื่อไทยต้องกล้าอุ้มสม ฝ่ากระแสจัดการการเมืองปีกเดียวกัน

วันนี้เคลื่อนกันแล้ว อยู่ที่พรรคเพื่อไทยกล้าเสี่ยงแลกกับอนาคตการเมืองหรือไม่!!!

……………………………..

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น