อิสราเอล กับ ฮามาส ติดหล่มสมรภูมิ ชนิดฟันต่อฟัน ตาต่อตา ยาวเกือบ 1 เดือนเต็ม ทำเอาทั่วโลกเดือดปุดและลืมเหตุการณ์สู้รบระหว่าง รัสเชีย กับ ยูเครน ไปแล้ว โดยเฉพาะในประเทศไทย เพราะมี แรงงานไทย จำนวนมากไปทำงานที่อิสราเอล จำเป็นต้องเกาะติดสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
สงครามตะวันออกกลางเสี่ยงขยายวง หลังกองทัพอิสราเอลได้เพิ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในบริเวณฉนวนกาซาชนิดเข้มข้นกว่า นมตาหมี แนวโน้มสถานการณ์สู้รบรุนแรงยิ่งขึ้น
รัฐบาลไทยส่งสัญญาณถึงญาติของแรงงานไทยในอิสราเอล เกลี้ยกล่อมให้กลับบ้านด่วน และก่อนหน้านั้น “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร และคณะ มีภารกิจไปเยือนประเทศซาอุดิอาระเบียบ การ์ตา เริ่มบิน 4 พ.ย.66 แต่ทีมงานประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลางแล้ว เคาะเลื่อนภารกิจสำคัญออกไปก่อน
แน่นอนดูตามหน้าเสื่อ ทางอิสราเอลพยายามโยงให้ชาวโลกเห็นว่า อิหร่านหนุนหลังฮามาส แต่รัฐบาลอิหร่านโต้กลับทันควัน โดย “ฮุเซน อะมีรอับดุลลอฮียอน” รมว.ต่างประเทศของอิหร่าน ประกาศให้ชาวโลกรับรู้ ก่อนขยับไปกรุงโดฮาร์ ประเทศการ์ตาร์ พบกับหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มฮามาส
โดยระบุว่า “ถ้าอาชญากรรมของอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีใครสามารถหยุดชาวมุสลิมและกองกำลังต่อต้านได้”
เพราะที่ผ่านมา ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม “อยาตุลลอฮ์ ไซยิด อาลี คาเมเนอี” ถึงขั้นกล่าวหาอิสราเอลก่ออาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซายังคงดำเนินต่อไป
ประชาชาติชาวมุสลิมไม่พอใจที่อิสราเอลทิ้งระเบิดฉนวนกาซา สิ่งที่ปรากฎต่อชาวโลกในปาเลสไตน์ คือ “อาชญากรรมล้างเผ่าพันธุ์” ของรัฐบาลอิสราเอล
แล้วทิ้งบอมบ์ไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นฝ่ายกำหนดนโยบายระบอบไซออนิสต์
โดยหนึ่งในความรุนแรงอันโหดร้ายของระบบไซออนิสต์ ที่ทิ้งระเบิดลงโรงพยาบาลคริสเตียนอัล-หะห์ลีในฉนวนกาซา สังหารพลเรือนอย่างน้อย 700 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
แถมประจานอิสราเอลต่อ “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวหาอิสราเอลเป็นระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ยูเอ็นต้องประกาศยุติการรุกราน
ที่ผ่านมา ระบอบไซออนิสต์ ไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตก สนับสนุนในทุกมิติอย่างไร้เงื่อนไข ระบอบรัฐเถื่อน เป็นอาชญากรรมส่งคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ถึงลอยนวลมาจนถึงทุกวันนี้
ทางออกแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมีประตูเดียวในมุมมองของอิหร่าน คือ อิสราเอลต้อง “ยุติการยึดครอง และสถาปนารัฐปาเลสไตน์”
วันนี้อิหร่านไม่ธรรมดา นอกจากมีประเทศพันธมิตร โดยเป็นฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐอเมริกาและตะวันตกแล้ว ยังเปิดยุทธวิธีปฏิบัติการข่าวสาร ตีโต้กระบอกเสียงของชาติตะวันตก เพื่อให้ชาวโลกรับรู้ถึงพฤติกรรมด้านลบของระบอบไซออนิสต์
สถานการณ์เขม็งเกลียวเข้ามาทุกที เป็นจังหวะที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบดาบให้ “อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์” ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร บินลัดฟ้าไปเจรจาช่วยเหลือตัวประกันที่กลุ่มอามาสจับตัวไป
โดยคณะทำงานที่เข้มแข็งอยู่ในอิหร่าน ได้เปิดประตูให้จับเข่าคุยกับแกนนำฮามาสที่อยู่ในอิหร่าน เบอร์ใหญ่ลำดับต้นๆ ที่สหรัฐอเมริกาเอาปูนหมายหัวเอาไว้ และตัวแทนของอิหร่าน พุ่งเป้าช่วยเหลือคนไทย 22 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งต้องยอมรับอิหร่านมีอิทธิพลต่อฮามาส
“คนเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่เดือนร้อน” ระดับคีย์แมนของฮามาสการันตี
ไปคราวนี้ไม่เสียเที่ยว “อารีเพ็ญ” ยังพบบุคคลสำคัญที่มีบารมีในอิหร่าน
ไล่เรียงอยู่ระดับเบอร์ต้นๆ ทั้ง “อายาตุลเลาะห์ อัคตารี” ที่ปรึกษาประธานาธิบดี-ประธานสมัชาองค์กรปาเลสไตน์แห่งสำนักประธานาธิบดีอิหร่าน นับเป็นคนที่กลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในอิหร่านต้องเกรงใจ
“ระมีฮียาน” เลขาธิการใหญ่องค์กรช่วยเหลือกประชาชาติปาเลสไตน์แห่งชาติ
และ “รูวัยรอน” ประธานสมาพันธ์พิทักษ์เยาวชนปาเลสไตน์และต่อต้านอิสราเอลแห่งชาติ โดยบุคคลทั้ง3สัมพันธ์แนบแน่นกับปาเลสไตน์
ปิดห้องคุยกันจบ ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่รีบรายงานต่อประธานาธิบดีอิหร่านทันที
เฉพาะดูท่าทีดุดันรมว.ต่างประเทศของอิหร่าน และส่องสถานการณ์ตะวันออกกลางผ่าน “อารีเพ็ญ” ที่สะท้อนให้เห็นภาพแนบชิดระหว่างกลุ่มฮามาสกับประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางแล้ว
รับรองสมรภูมิแห่งทะเลทรายว้าวุ่นยาวข้ามปีชัวร์ แต่ขอให้แรงงานไทยทุกคนปลอดภัยกลับสู่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ
…………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”