“สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุนเซน” ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แขกซุปเปอร์วีไอพีเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าคนแรก เข้าเยี่ยมเป็นการส่วนตัว และรับประทานอาหารเที่ยง 21 ก.พ.67 กับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี
ภาพช็อตเด็ดนี้ พอเป็นคำตอบได้ว่า “ทักษิณ” ป่วยทิพย์ !? ที่ผ่านมาสังคมตะโกนถามเป็นรายวันใส่ “กรมราชทัณฑ์-กระทรวงยุติธรรม-โรงพยาบาลตำรวจ-รัฐบาล”
ตลอด 180 วัน พักรักษาตัวอยู่ห้องรอยัลสูท ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนับ หลังเดินทางเข้าประเทศไทย 22 ส.ค.66 และ 18 ก.พ.67 ได้รับการพักโทษตามโครงการลงโทษกรณีเหตุพิเศษ เข้าเกณฑ์ “เจ็บป่วยร้ายแรงหรือพิการหรืออายุ 70 ปีขึ้น รับโทษมาแล้ว 1 ใน 3” กลับออกมารับแสงแดด อากาศที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
ดูภาพแต่ละช็อตที่ปรากฎกายเป็นทางการครั้งแรก นับตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ถูกตั้งคำถามอีก ทำไมสภาพร่างกายโดยรวมดูเหมือนคนแข็งแรงปกติ
“กรมราชทัณฑ์-รัฐบาล” ชี้แจงให้สังคมรับรู้ตลอด “นายทักษิณ” ป่วยหนักมาก ระดับที่เรือนจำ โรงพยาบาลในเรือนจำไม่สามารถดูแลได้ ต้องใช้โรงพยาบาลตำรวจ สุดท้ายมีภาพ “นายทักษิณ” เพียงใส่เฝือก เหมือนคอซ้น” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นอีกคนที่ตั้งข้อสังเกตถึง ความโปร่งใสของการรักษาตัว “ทักษิณ”
ความสงสัยของสังคม มันทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือของเรือนจำ และกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตอกย้ำระบบสองมาตรฐาน
“ดีลลับ” ถึงมี “”อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น” หรือทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม “รัฐบาลเพื่อไทย” ต้องเจียระไนให้สังคมคลายข้อสงสัย
อย่างน้อยควรทำตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา 11 ก.ย.66 “รัฐบาลจะฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ยึดหลักนิติรัฐ และระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน”
แต่เหตุการณ์ตลอด 180 วัน และนับจากวันที่ 18 ก.พ.ของ “ทักษิณ” ตอกย้ำ “ได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลเป็นกรณีพิเศษ โดยขาดความโปร่งใสในอาการป่วย จนได้รับสิทธิพักโทษปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้าน” พรรคก้าวไกลตอกลิ่มใส่คู่แข่งทางการเมือง
ข้อเท็จจริงยังขัดแย้งกับ “ปรีชา สุดสงวน” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ที่ สวมวิญญาณแพทย์ ตั้งข้อสังเกตระหว่างพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหา “ทักษิณ” ถูกกล่าวหาทำผิดม.112 ส่งให้พนักงานอัยการฯที่รับผิดชอบคดีนี้ “สภาพที่เห็นนั่งวีลแชร์มาพบอัยการ ดูป่วยขั้นวิกฤติ เดินไม่ไหว จากการพูดคุย นายทักษิณไม่ค่อยมีเสียง”
แล้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและลูกสาว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ก็คอนเฟิร์ม “เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย กระดูกกคอเสื่อม ลองโควิด”
ดูทรง “พรรคก้าวไกล” แล้ว ชั่วโมงนี้ต้องจับมือ “พรรคประชาธิปัตย์” เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลเพื่อไทย” แน่ แม้บริหารราชการแผ่นดินยังไม่ครบขวบปี
เน้นปมผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ โดยเฉพาะ “ไม่เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไร้คุณธรรม” ทำลายกระบวนการยุติธรรม ต้นตอทำให้ปัญหาขัดแย้งซับซ้อน ตอกลิ่มความขัดแย้งให้ร้อนระอุขึ้น
จั่วหัวแค่ประเด็นเดียวยังเสียวว้าบไปถึงไส้ติ่ง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม กว่าถึงวันอภิปรายจริง ตาม “ยุทธการเขย่าผู้นำจิตวิญญาณ” ย่อมมีประเด็น การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว และทุจริตคอร์รัปชันเข้ามาเติมเชื้อไฟ
25 มี.ค.67 วุฒิสภานำร่องเปิดอภิปรายทั่วไปประเดิมเขี่ยหัวเชื้อ ให้สังคมได้ขบคิด และก่อนปิดสมัยประชุม ฝ่ายค้านนำโดย “พรรคก้าวไกล” โหมการเมืองร้อนก่อนเข้าสู่สงกรานต์ซอฟต์พาวเวอร์
เบิกฤกษ์การเมือง 2 ขั้วใหม่ “ขวาปะทะซ้าย” เปิดศึกอย่างเป็นทางการ ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ก้าวไกล”
……….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย…#ราษฎรเต็มขั้น
