“นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” เยือนต่างประเทศ 10 วันรวด ตั้งแต่ 15-24 พ.ค. พบผู้นำฝรั่งเศส อิตาลี ตบท้ายด้วยญี่ปุ่น แต่ต้องลุ้นระทึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อ 40 สว.รักษาการ นำโดย “ดิเรกฤิทธิ์ เจนครองธรรม” ร้องผ่านประธานวุฒิสภา ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย “นายกฯเศรษฐา” และ “พิชิต ชื่นบาน” รมต.ประจำสำนักนายกฯ พ้นจากตำแหน่ง ปมขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ว่าด้วยความ “ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์-ขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณารับ “คำร้องร้องข้ามโลก” 23 พ.ค. รับหรือไม่รับ หากรับคำร้องไว้ “นายกฯ-พิชิต” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เหมือนเคยเกิดขึ้นกรณีคดี 8 ปี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับตีความ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
เกมนี้ของ 40 สว.มาแบบ “เงียบ-รวดเร็ว” คล้ายสายฟ้าฟาด เป้าสูงต้องการล้ม “ผู้นำ” ทำไม
แน่นอนทุกคนโฟกัสไปที่ “ดีลลับสลับอำนาจ” กำลังเดินออกนอกเส้นทาง ขอเอาบ่วงรัดคอผู้นำ สะกิดไปถึง “ผู้มีบารมีตัวจริง” ว่า “อย่าเหิมเกริม”
นายกฯตกอยู่ในสภาพลุ้นระทึกเผชิญแรงกดดัน 23 พ.ค.ชี้ชะตา “เดินต่อหรือพอก่อน” ระหว่างเยือนต่างประเทศ หวยจึงออกที่ รมต.กระสุนตกจำเป็นต้องดับไฟการเมืองที่กำลังคุโชน โดยทำอย่างเป็นทางการ เผยแพร่หนังสือลาออกจากตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ
พรรณาถึงความเชื่อมั่นโดยสุจริตมีคุณสมบัติครบถ้วนเป๊ะ ประกอบวิชาชีพด้วยความ “ซื่อสัตย์สุจริต” ย้ำแล้วย้ำอีก ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีด้วยความ “ชอบตามรัฐธรรมนูญ”
ปมที่อยากชี้ให้เห็นคือ “เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ ไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ จำเป็นต้องเดินหน้าด้วยความต่อเนื่อง” เป็นเหตุผลที่รมต.กระสุนตกชี้เป้าให้สาธารณะได้เห็น
คำถามคือ คำร้องของ 40 สว. ประเด็นในชั้นศาลรัฐธรรมนูญตกไปหรือไม่ “ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม” สว. ขยี้ต่อทันที “นายพิชิตลาออกตัดตอนเฉพาะตัวเอง” ไม่รวม “กรณีนายกฯ” ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองถึงความรอบคอบที่แต่งตั้งรมต.ประจำสำนักนายกฯ”
แม้มีผนังกำแพงทองแดงให้พิงหลัง ทั้งหนังสือที่เคยถามคณะกรรมการกฤษฎีกา และก่อนทำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องกรอกประวัติ มีขั้นตอนตรวจสอบประวัติ และคุณสมบัติ โดยเฉพาะสำนักเลขาธิการ
นายกฯก็ต้องรอลุ้นอยู่ดี ทั้งในมิติกฎหมายประเด็นจบหรือไม่ มิติการเมืองประเด็นจบหรือไม่ รอลุ้นวันที่ 23 พ.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา
หลุดหรือไม่หลุดบ่วงกรรม “เกมล้มผู้นำ” ยังมีคดีร้อนที่รอพิสูจน์อีกหลายกระทอก โดยเฉพาะที่อยู่ในกำมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ทั้งมือแฉ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ยื่นป.ป.ช.เอาผิด 2 เจ้าพนักงานที่ดินเขตพระนคร เอื้อบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์โอนที่ดิน 12 ครั้ง เลี่ยงภาษี พยายามมัดคอนายกฯให้ดิ้นไม่หลุด
รวมถึง “พี่ตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินคดีกับ “นายกฯนิด” ประธานก.ตร.
ฐานะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งผบ.ตร.ข้ามหลักอาวุโส ไปเคาะให้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อาวุโสลำดับที่ 4 ขึ้นเป็นผบ.ตร. ข้ามหัว “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคโพโรจน์ อาวุโสลำดับที่ 1
หนังเหนียวแค่ไหน รอทดสอบทีละด่าน แค่คดีแรกยังต้องตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตการเมืองผู้นำเลย
และ “ผู้มีบารมี” ยังเผชิญเสี่ยงตกหลุ่มอากาศ 29 พ.ค. คดี 112 ในชั้นอัยการสูงสุดที่พลิกคว่ำพลิกหงายได้ดั่งพลิกฝ่ามือ
………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย… #ราษฎรเต็มขั้น