คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มี “มติเอกฉันท์” ส่งเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โดยยึดโยง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มี “มติเอกฉันท์” ชี้ขาด “พรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง” เป็นผลพวงจาก เสนอแก้ไข และยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง
คำวินิจิฉัยดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์ “เสนอแก้กฎหมายม.112-หาเสียง-ร่วมชุมนุม” มีเจตนา “เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบัน” และสั่งเบรกการกระทำห้ามแก้ม.112
ว่ากันว่า ตอนแรกลุ้นพรรคก้าวไกลถูกยุบเร็วก่อนเทศกาลสงกรานต์ แต่สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การเมืองไทยจาก “2 ก๊กใหญ่” แตกเป็น “3 ก๊กใหญ่”
“พรรคก้าวไกล” หัวก้าวหน้าก๊กใหญ่สุด เพราะมีสส.จำนวนมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ตามด้วย “พรรคเพื่อไทย” ที่สับสวิตซ์ย้ายขั้ว ไปยืนอยู่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่ทำไปทำมา “ดีลลับสดุดหัวคะมำ” ต้องแตกขั้วเป็น “ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่” ฉีกตัวออกจาก “ขั้วอนุรักษ์นิยมเก่า”
แต่ละขั้วมีพลังพอฟัดพอเหวี่ยง “ก้าวไกลไร้อำนาจรัฐ แต่มีกระแสความนิยมนำโด่ง” นิด้าโพลสำรวจกี่ครั้งกี่รอบแต้มนำห่าง ตอกย้ำโดยโพลสถาบันพระปกเกล้า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-พรรคก้าวไกล” โกยเรตติ้งขึ้นแท่นนัมเบอร์วันตลอดกาล
ต่างกับ “ขั้วอนุรักษ์นิยมใหม่” คือ พรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็นรัฐบาลด้วยภาพติดลบ ศรัทธาทรุด พลังมวลชนเสื้อแดงจ๋า หันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกล มีดีแค่กุมอำนาจรัฐ ยังไร้ผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน บริหารประเทศแบบเดิมๆ เหมือนรักษาอาการโคม่าด้วยยาแก้ปวด
และยังตกอยู่ในสภาพ “อำนาจซ้อนอำนาจ” ระหว่าง “ตึกไทยคู่ฟ้า” กับ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นับวันมีแต่รอยร้าวลึก ทรงกับทรุด เชิญสัมผัสบรรยากาศอึมครึมแบบนี้ได้ใน พรรคเพื่อไทย
“ขั้วอนุรักษ์นิยมเก่า” ตัวรับส่งสัญญาณระดับบิ๊ก ถูกสั่งให้ไปปลีกวิเวก ต้องเปลี่ยนตัวรับส่งสัญญาณใหม่ กลไกอำนาจยังไม่ลงตัว แต่ยังคุมกลไกแห่งอำนาจได้อยู่หมัด
“เกมแห่งการเปลี่ยนสมการทางการเมือง” ที่เคลื่อนไหวตลอด และรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงถูกจับตามอง “ระดับผู้มีบารมีทางการเมือง” ยังแกล้งทำ ปืนลั่น ใส่ “คนมีบ้านในป่า”
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ก็สะกิด “ผู้ไม่หวังดีซื้อตัวสส.” สอดรับกับ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่รู้เบื้องหลังหลังของขบวนการเหล่านี้มาตลอด จึงออกมาปรามทั้ง “ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสมการทางการเมือง” และ “สส.”
ไปสอดประสานกับ ไทม์ไลน์คดียุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค, คดีจริยธรรม 44 สส.ก้าวไกล, คดี 112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร”, คดีถอดถอน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ ออกจากตำแหน่ง, ผลเลือกสว. 200 คน และตั้งแท่นออกกฎหมายนิรโทษกรรม อาจลุยไฟตัดสินใจพ่วงท้ายคดี 112
ชนวนร้อนฉ่าเหล่านี้ มีผลต่อทิศทาง และโครงสร้างการเมืองไทย โดยเริ่มเห็นเค้าลางชัดขึ้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญแอ๊คชั่นให้ “กกต.” ป้อนข้อมูลเพิ่ม โก่งความตายให้ “ก้าวไกล” เพราะอยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใจจะเปิดไต่ส่วนหรือไม่
ถ้า 18 มิ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ไต่ส่วน ให้โอกาส “ก้าวไกล” สู้คดีเด็มที่ ตามหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ผลคือคดีทอดยาวอีก 2-3 สัปดาห์ พลิกผันลุ้นให้ “คดีเศรษฐา” จบก่อน
ประเดิมปิดจ๊อบ “ผู้ต้องการเปลี่ยนสมการทางการเมือง” ของ “คนมีบ้านในป่า” เพื่อให้กระดานการเมือง เดินได้สะดวกขึ้น
……………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
