ล้างไพ่การเมืองทันที หลังสิ้นเสียงศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยฟัน “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติ “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้านั้น เชื่อว่าจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย เป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้อง เฉพาะส่วนของ “พิชิต ชื่นบาน” ไว้พิจารณาวินิจฉัย
แต่ ทีมกฎหมายของ “พิชิต” เปิดคัมภีร์ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ หารูหายใจ จนพบช่อง ในฐานะ “ผู้เกี่ยวข้อง” ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี ขอ “ยื่นพยานหลักฐานใหม่” 8 ประเด็น 28 แผ่น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิผุดผ่องในศาลรัฐธรรมนูญ ที่เจอปูนป้ายหน้าผากคดีถุงขนม 2 ล้านบาท จำคำสั่งศาลฎีกา 4599/2551 กว่า 15 ปีมาแล้ว
โดยย้อนรอยให้เห็นว่า คำสั่งศาลฎีกาไม่ผูกพันทุกองค์ ต่างกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเด็ดขาดผูกพันทุกองค์กร รัฐสภา ครม. ศาล องค์กอิสระ หน่วยงานรัฐ
ศาลรัฐธรรมนูญก็รับคำร้องของ “พิชิต” ในฐานะผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายกำหนดไว้ในสำนวนคดี โดยสู้ ประเด็นที่ 1 คำสั่งศาลฎีกาคดีละเมิดอำนาจศาล ไม่มีผลทำให้ “พิชิต” ขาดคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ 2 คำสั่งศาลฎีกายุติว่า มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เพียงมีเงินจำนวน 2 ล้านเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีอาญาให้สินบน ปรากฎว่า “พนักงานสอบสวน-อัยการ” มีคำสั่ง “ไม่ฟ้องคดี” จนเป็นที่สุดแล้ว
ทีมกฎหมายของ “พิชิต” สบช่องดีดนิ้วดังเป๊าะ บ่งบอกเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ชี้ให้เห็นอีกว่า “พิชิต” ไม่ได้กระทำผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน
ประเด็นที่ 3 “พิชิต” ขณะเป็นสส.ไม่เคยถูกวุฒิสภายื่นถอดถอนจากตำแหน่ง เพราะเหตุฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และ “กกต.” รับรองให้เป็นผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ 2 ครั้งติดต่อกัน
ประเด็นที่ 4 “พิชิต” เคยชี้แจงละเอียดยิบถึงคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ต่อสำนักเลขาธิการ ครม. 4 ส.ค.66
ประเด็นที่ 5 คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ถือเป็นนามธรรม และนำมาบังคับใช้เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว ไม่อาจใช้เป็นผลย้อนหลัง ถือเป็นการจำกัดสิทธิของบุคคลได้
ประเด็นที่ 6 ภายหลังศาลฎีกามีคำสั่งดังกล่าว “พิชิต” ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เรื่องถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ แต่ต่อมาถอนฟ้อง เพราะไม่ประสงค์จะประกอบอาชีพวิชาชีพทนายความ และไม่เคยยื่นขอจดทะเบียนทนายความใหม่ แม้พ.ร.บ.ทนายความให้สิทธิเอาไว้
ประเด็นที่ 7 สว.40 ราย ไม่มีสิทธิเข้าชื่อยื่นเรื่องขอให้ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชะตา “นายกฯ” และ “พิชิต” ที่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เพราะขณะยื่นเรื่อง อายุของวุฒิสภาสิ้นสุดลงแล้ว รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้สิทธิสว. รักษาการ กระทำการดังกล่าวได้ เพียงเปิดให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และตบตูดด้วย
ประเด็นที่ 8 ย้ำให้เห็นว่า “พิชิต” ระหว่างเป็นรมต. และก่อนเป็นรมต. ไม่เคยทำผิดจริยธรรม
สุดท้ายจิ๊กซอว์ชิ้นนี้ สู้ข้อเท็จจริงอีกชุดหนึ่งของ 40 สว.ชุด คสช.ไม่ได้
“เศรษฐา” ปิดฉากนายกฯและสุ่มเสี่ยงถูกประหารชีวิตทางการเมืองในคดีจริยธรรมอีกดอก ในสถานีต่อไปที่ “ป.ป.ช.”
ในจังหวะที่ประเทศไทย ยังไร้ “ผู้นำฝ่ายค้าน” จากพิษยุบพรรคก้าวไกล และไม่มี “นายกฯ” เปรียบเหมือนถูกรัฐประหาร
สะเทือนประเทศไทย แม้พรรคเพื่อไทยเปิดเกมเล่นเร็วชิงเสนอ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ ชิงนายกฯ จับมือพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาล ก่อนจะมามีข่าว “สส.เพื่อไทย” สนับสนุน “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกฯคนที่ 31
แต่ต้องรอดูวันที่ประชุมสภาผู้แทนโหวตนายกฯ จะเป็นไปตามแผนของบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือเจอทีเด็ดฝ่ายอนุรักษ์นิยมหักดิบ
ทางออกที่ดีวันนี้ “จันทร์ส่องหล้า” ต้องกล้าลูบคม “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” จับมือ “ไทยซัมมิท” รีเซ็ตประเทศไทย !!!
…………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
