หมัดต่อหมัด เมื่อมือกฎหมาย “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือดาบแทน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงนามแทงหนังสือถึง “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งแบบข้อมูลประกอบการแต่งตั้งรัฐมนตรีให้ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
อ้าง “มติพรรคพลังประชารัฐ” เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมยกเหตุผลเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ตามที่นายกฯในฐานะตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) สัญญาประชาคมว่า ทุกพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
หลัง “กลุ่มผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค สะกิด “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปนั่งเป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์แทน “ผู้กอง” โดยมาจากโควต้าพรรคกล้าธรรม ที่ “อาจารย์แหม่ม” ไปเป็นหัวหน้าพรรค “เบ็นซ์” อรรถกร ศิริลัทธยากร โควต้าพรรคพลังประชารัฐ กรอกประวัติเรียบร้อย “อัครา พรหมเผ่า” นั่งรมช.เกษตรฯ โควต้าพรรคเพื่อไทย
“เพื่อไทย” แก้เกม “พลังประชารัฐ” เล่นแง่เอาผิดในวันข้างหน้าได้ จำเป็นต้องเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันรุ่งขึ้น ฟันฉับ ลอยแพ “ตระกูลวงษ์สุวรรณ” อ้าง “ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้” แล้วเปิดช่อง “ทาบทามพรรคการเมือง-กลุ่มการเมืองอื่น” เตรียมทำหนังสือเทียบเชิญเป็นทางการ “รวมเสียงสส.ให้มากที่สุด ค้ำบัลลังก์รัฐบาล”
ถือเป็นการ ปิดฉาก “พรรคพลังประชารัฐ-ตระกูลวงษ์สุวรรณ”
เอาโควต้ารัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ 4 เก้าอี้ เฉาะ 2 เก้าอี้ให้กลุ่มผู้กอง ในโควต้าพรรคเพื่อไทย “อาจารย์แหม่ม” คว้ารมว.เกษตรฯ “อัครา” นั่งรมช.เกษตรฯ ส่วน “เบ็นซ์” อรรถกร รอลุ้นส่งไม้ต่อให้พ่อ “อิทธิ ศิริลัทธยากร” อดีตรมช.คมนาคม ซึ่งอำลาสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปสมัครสมาชิกพรรคกล้าธรรมล่วงหน้า
พรรคเพื่อไทยยังกวักมือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คู่ปรับตลอดการตลอด 20 ปีทางการเมือง เหมือน “ขมิ้นกับปูน” กำลังกลายเป็น “ทองแผ่นเดียวกัน” แบ่งก้อนเค้กแห่งผลประโยชน์ให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เสวยอำนาจ 2 เก้าอี้ คือ “รมช.สาธารณสุข-รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”
กก.บห. มี “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “นายกชาย” เดชอิทธิ์ ขาวทอง คุมเกมในพรรคประชาธิปัตย์ได้ โหวตร้อยครั้ง-ชนะร้อยครั้ง ปล่อยให้เสียงข้างน้อย 4 เสียงจาก 21 เสียง คือ “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-สรรเพชญ บุญญามณี” นั่งเกาคางด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อไป เสี่ยงเลือกตั้งครั้งหน้ากลายเป็นพรรคต่ำสิบ
พรรคเพื่อไทยยังไล่กวาดต้อนพรรคเล็ก พรรคจิ๋วเข้าร่วมสนับสนุนรัฐบาล นับจำนวนหัวสส. แม้ยังไม่ทะลุ 377 คน ในสมัยที่เถ้าแก่ใหญ่เรืองอำนาจ ในยุคพรรคไทยรักไทย ก็อาจไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะ “44 ขุนพลพรรคประชาชน” ยังเผชิญคดีจริยธรรมร้ายแรง สุ่มเสี่ยงถูกประหารชีวิตทางการเมือง และเปิดประตูเลือกตั้งซ่อมอีกหลายเขตเลือกตั้ง
เปิดสมรภูมิทดสอบ “ทฤษฎีสมคบคิดรุมกินโต๊ะ” เลือกตั้งซ่อมสส.เขต 1 พิษณุโลก แทน “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” สนามนี้สู้ตัวต่อตัวระหว่างสีส้มกับสีแดง
เลือกตั้งครั้งก่อนสีส้มได้ 40,842 คะแนน สีแดงได้เพียง 18,180 คะแนน พลังประชารัฐ 19,096 คะแนน รวมไทยสร้างชาติ 10,229 คะแนน เอาคะแนน 3 พรรคผนึกกำลังกัน ใช้ผู้ชำนาญเกมใต้ดินใน “พรรคพลังประชารัฐ” นำทัพ มีโอกาสพลิกชนะ “พรรคประชาชน”
ก่อนถอดบทเรียน “ทฤษฎีสมคบคิด” สำหรับสนามเลือกตั้งทั้งสส. และนายก อบจ. กินรวบประเทศไทย โดย “อั้วตัวผู้สมัคร-ใช้อำนาจรัฐ-เปิดก๊อกปั้มน้ำมันเติมให้เต็มถึงทุกแต้ม” รับรองการเมืองเก่าน้ำเน่าคืนชีพเต็มตัว
……………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย….#ราษฎรเต็มขั้น