“ครม.ครอบงำ” หรือ “ครม.ครอบครอง” สะท้อนการนำของ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นอย่างดี หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถึงคราวแสดงบท “ภาวะผู้นำ” บังคับ “นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพ่อที่คอยเป็นเงาตามตัว ใช้ “ทฤษฎีปรากฎกาย” เท่าที่จำเป็น
เหมือน “ครูใหญ่แห่งบุรีรัมย์” เนวิน ชิดชอบ เก็บตัวเงียบ เหยียบหิมะไร้ร่องรอย แต่มีอำนาจล้นฟ้า ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจอดสถานีไหนก็ได้ โดยรู้กันเป็นนัย แต่ไม่มีภาพ “ครอบงำ” หรือ “ครอบครอง”
นายกฯต้องทำตามที่แถลงนโยบายทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะสัญญาประชาคม “ความท้าทาย 9 ประการ” รัฐบาลพร้อมประสานพลังกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็น “ความหวัง โอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” เพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหาที่รุมเร้า ทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วน และเติมเต็มด้วย “วางรากฐานสู่การพัฒนาประเทศในอนาคต” โดยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ปูพื้นฐานเศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างเข้มแข็ง
โดย “ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์” ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของผู้บริโภคด้วยการใช้ “เทคโนโลยี” ติดปีกเร่งให้ไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง พัฒนาเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก
ไล่เรียงในสิ่งที่รัฐบาลเตรียมผลักดันแล้ว ขอเสนอให้เริ่มต้น “ปฏิวัติระบบราชการ-วางโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่” อย่าซ้ำรอย 1 ปีที่ผ่านมาเป็น “1 ปีที่สูญเปล่า 3 ปีเจ๊าหรือเจ๊ง ?” ตามที่บรรดาขุนพลพรรคประชาชนเขย่านโยบายเรือธง ทำเพื่อ “นายใหญ่-นายหน้า-นายทุน” ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการผลประโยชน์แห่งก้อนเค้กที่ใหญ่ขึ้น
ประตูบานแรกนำไปสู่ “3 ปี เจ๋ง” จริงเทอมรัฐบาลเหลืออีกแค่ 2 ปี 8 เดือนเท่านั้น อยากให้ “นายกฯอิงค์-นายใหญ่” เงี่ยหูฟัง “ดร.มานะ มหาสุวีระชัย” 1 ใน 48 สว.ที่จองกฐินชำแหละนโยบายรัฐบาล
โดยเสนอวิธีแก้ปัญหาวิกฤติชาติยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง คือ ลดรายจ่ายระบบเงินของธนาคารพาณิชย์ และแบงก์ชาติ ปัจจุบันไม่น้อยกว่าปีละ 5 แสนล้านบาท-แก้ปัญหาคอขวดทางการเงิน–สนับสนุนธุรกิจใหม่
ถึงจังหวะต้องสร้าง เงินสดดิจิทัล (D-cash) ซึ่งเป็นเงินสดรูปแบบใหม่ ออกโดยแบงก์ชาติ และรัฐบาล เปรียบเหมือนประตูบานแรก สร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่รัฐบาลทั่วโลกและประเทศไทยเรียกหา เพื่อพลิกฟื้นประเทศตามที่ “ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย” ระบุกลางงาน Vision for Thailand
เป็นเครื่องมือแสนวิเศษประเดิม “ปฏิวัติระบบราชการ-วางโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจใหม่” ทำให้เกิดแอปพลิเคชั่นใหม่ทางธุรกิจที่ต้นทุนต่ำเกิดขึ้น ไร้ขีดจำกัดที่เชื่อมต่อกับ D-cash ได้โดยตรง เปิดกว้างให้ผู้คนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้โดยตรง การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และหนี้นอกระบบ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาแบบเหวี่ยงแหผ่านสถาบันการเงินเหมือนที่ผ่านมา เพราะมันล้มเหลว ค่าใช้จ่ายสูง
เปิดโอกาสให้มีเถ้าแก่เกิดขึ้นใหม่ทั่วประเทศ เช่นเป็น เจ้าของธุรกิจ Food Delivery โดยมีเครื่องมือทำมาหากินไม่ด้อยกว่าเครื่องมือที่ธุรกิจข้ามชาติระดับโลก ลดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ทุกวันนี้แก้ไม่ตก เกิดจากจุดอ่อนของระบบการเงินแบบ E-money ที่โจรใช้เป็นช่องทางทำมาหากินกันอย่างสนุกสนาน
ยกระดับเศรษฐกิจใต้ดินให้โปร่งใส ช่วยเพิ่มรายได้ให้รัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย นับตั้งแต่ไซส์เล็กแต่เงินไม่เล็กแบบหวยใต้ดิน จนถึงไซส์ยักษ์แบบเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
ถึงเวลา “นายกฯอิ๊งค์” ใช้ภาวะความเป็นผู้นำกล้าหยิบเครื่องมือ D-cash ซึ่งมีศักยภาพนำพาประเทศไทยรอดพ้นจากเหว เพราะมีพลานุภาพสูงกว่าโครงสร้างพื้นฐานระดับแลนด์บริดจ์ชนิดไม่เห็นฝุ่น
เป็นโอกาสทองสำหรับพรรคเพื่อไทย พิสูจน์สโลแกน “คิดใหญ่ ทำเป็น” ให้เป็นที่ประจักษ์ นับเป็นอีกบทพิสูจน์ “ภาวะผู้นำ” ของ “นายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย” กล้าเดินหน้านำพาบ้านเมืองไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
……………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย….#ราษฎรเต็มขั้น