“พรรคประชาชน” เงียบฉี่มานาน ตั้งแต่เปลี่ยนแม่ทัพคนใหม่ เป็น “เท้งเต้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” แต่พอช่วงท้ายปี 67 และเริ่มต้นปี 68 ระดับขุนพลค่ายสีส้ม ตีหน้ายักษ์ใส่รัฐบาล ชนิดอากาศกำลังเย็นสบาย กลายเป็นเพิ่มอุณหภูมิการเมืองให้ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
“หมดห้วงเวลาแห่งความรัก 14 ก.พ.68 เมื่อไหร่ ก็เข้าสู่ห้วงเวลาแห่งความจริงอันโหดร้ายของรัฐบาล ส่งสัญญาณถึงรัฐบาลว่าความผิดสำเร็จแล้ว รัฐบาลทำใจเถอะ” วิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.พรรคประชาชน ฉายหนังตัวอย่างเป็นออเดิร์ฟ เชื่อว่า “รัฐมนตรีที่หางโผล่” สะดุ้งเหมือนถูกน้ำเกลือราดแผลสด
“ราษฎร์เต็มขั้น” เป็นหนึ่งในโหวตเตอร์ของประเทศไทย เห็น “ฝ่ายค้าน” ขึงขังแบบนี้ ขอยกมือชูรักแร้เชียร์เต็มที่ เพราะแสดงถึงประสิทธิภาพของฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ป้องกันใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ต่อตัวเอง พวกพ้อง จนเป็นคอร์รัปชันเชิงนโยบาย
โดยเฉพาะญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ใช้ สส. 1 ใน 5 ของจำนวนสส.ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร สามารถเข้าชื่อเสนอญัตติซักฟอกตั้งข้อกล่าวหารุนแรงให้นายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรีชี้แจง อาวุธหนักแบบนี้รัฐธรรมนูญถึงกำหนดให้ทำได้เพียงปีละ 1 ครั้ง
พอแกะร่องรอยตามที่พรรคประชาชนแย้มให้เห็น คงผวาทั้งครม. แจ็กพอตหวยออกรมต.ทุกพรรค “ยืนยันหมัดเด็ดน็อครัฐบาลได้แน่” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สำทับซ้ำ พร้อมแพลมไต๋ย่นระยะเวลาเชือดเร็วขึ้น จากเดือนมี.ค.เป็นกลางเดือนก.พ.
ก่อนถึงคิวซักฟอก มีเวทีรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพิ่มเนื้อหาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรคประชาชน ที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา สอดใส่แฟ้มเข้าที่ประชุม 14-15 ม.ค.68 เรียบร้อย
“ร่างฉบับพรรคประชาชน” ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดถูกตีตกแน่ เพราะไปแหย่หนวดเสือตัดอำนาจของวุฒิสภา หลักเกณฑ์เดิมที่ประชุมรัฐสภาออกเสียงรับหลักการวาระแรก และเสียงเห็นชอบในวาระสาม ต้องมีเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ ซึ่งต้องเป็นเสียง สว.1 ใน 3 หรือ 67 คนจาก 200 คน ร่วมเห็นชอบด้วย
“พรรคประชาชน” บรรจงกินยาผิดขวด เสนอแก้ไขให้เป็นมีเสียงเห็นชอบในวาระแรก และวาระสาม ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ ในจำนวนนี้ต้องมีเสียง สส.ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ร่วมด้วย โดยตัดเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียง สว.ร่วมเห็นด้วย 1 ใน 3 ทิ้งไป ถือว่า หักอำนาจวุฒิสภา
แถมยังกินดีหมีไปถอดสลักระเบิดนิวเคลียร์เปิดประตูรื้อรัฐธรรมนูญ หมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับสถาบัน รวมถึงอำนาจขององค์กรอิสระ รัฐสภา และ ครม.
“หวั่นสองสภาแตกหักรุนแรง มีแรงต่อต้านค่อนข้างมาก” นิกร จำนง เลขานุการกมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ผู้ที่อยู่ในกลไกแก้รัฐธรรมนูญในรัฐสภามาโดยตลอดยัง อดเป็นห่วงไม่ได้
“พรรคประชาชน” จงใจเปิดเกมแก้รัฐธรรมนูญ ติดอาวุธทางปัญญา จุดกระแสจากส่วนกลาง หวังผลปลุกประชาชนออกมาเลือกนายกอบจ. 1 ก.พ.68 มากกว่าเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ
แต่อย่าใช้ศึกซักฟอกที่โหมโรงเข้มข้น สุดท้ายไม่มีอะไรในกอไผ่ เสียยี่ห้อ “พรรคประชาชน” เพราะแฟนคลับติดตามอยู่ “อารมณ์มันค้างเท้งเต้ง” ครับ
…………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย ….#ราษฎร์เต็มขั้น