“สทร.-เสือกทุกเรื่อง” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ในฟอร์มดุดัน ปลุกประชาชนกลางเวทีปราศรัยระหว่างตะลุยพื้นที่หาเสียงเป็นผู้ช่วยนายกอบจ.นครพนม ตามด้วยนายกอบจ.มหาสารคาม สังกัดพรรคเพื่อไทย
สร้างหวังให้ชาวบ้านมีสุข พ้นหนี้ มีสตางค์ใช้ เลือกตั้งปี 2570 “เพื่อไทย” กลับมาเป็นรัฐบาลอีกรอบ รับรองสองมือล้วงกระเป๋าไม่ลง เพราะเงินตุงเต็มกระเป๋า บันทึกแปะข้างฝากันไว้พี่น้อง บนสภาพ “เศรษฐกิจไทยซึม” เหลื่อมล้ำสูง โครงสร้างภาษี โครงสร้างเศรษฐกิจ…ผุกร่อน
ปัญหาหนี้ครัวเรือนบานตะไท 16 ล้านล้านบาท มากกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ทำได้ตามที่ “พ่อทักษิณ” พูด เศรษฐกิจหายซึม และผงกหัวก่อนเลือกตั้งใหญ่
ดูทรง “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในชั่วโมงนี้” เหมือน “สวมแหวนวิเศษ” เพิ่มพลัง แสดงความห้าวเป้ง ไม่เกรงใจใคร ทั้งที่ตามประวัติศาสตร์การเมือง ถูกยึดอำนาจถึง 2 ครั้ง ที่เหลือเจอกระบวนการ “นิติสงคราม” สอย กลับมั่นอกมั่นใจ “ปฏิวัติ” ยึดอำนาจโดยกองทัพไม่ต้องห่วง รัฐบาลลากยาวจนครบเทอม
มุก “พ่อนายกฯ” ถือธงทัพนำหน้ารัฐบาลไปหนึ่งก้าว เปรี้ยงๆๆๆ กวาดล้างขบวนการยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก ขีดเส้นสะเด็ดน้ำปีนี้
ทุกปมเปิดมาร้อนแรง แต่ปมใหม่สุดน่าติดตาม ขอยกให้ตั้งแท่นเปิด “แซนด์บ็อกซ์คริปโตเคอร์เรนซี” ที่เกาะภูเก็ต สร้างฐานเศรษฐกิจดิจิทัล รองรับนโยบายประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของอเมริกา ที่ประกาศเดินหน้า “คริปโตเคอร์เรนซี” เงินสกุลใหม่มีทรัพย์สิน ทองคำ บอนด์-พันธบัตรรัฐบาลเป็นแบ็กอัพ
ทำ “แซนด์บ็อกซ์” ทดลองระบบการเงินและทรัพย์สินดิจิทัล เป็นนวัตกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ แต่ยังไม่มีประเทศใดในโลก คิดค้นระบบนี้ที่ปฏิบัติการชนิดเรียลไทม์ ไม่มีปัญหาคอขวดเหมือนปัจจุบัน สามารถจดบันทึกทางบัญชี-ธุรกรรมไปพร้อมกัน
หัวใจระบบนี้ ต้อง “เรียลไทม์-จดบันทึกบัญชี-ธุรกรรมไปพร้อมกัน-ปลอดภัย” โดยเป็นการเคลื่อนย้ายเงินสดๆ ทรัพย์สินดิจิทัล จากบุคคลหนึ่ง นิติบุคคลหนึ่ง ไปยังบุคคลหนึ่งหรือนิติบุคคลหนึ่ง ไม่ต้องผ่านตัวกลางเหมือนระบบปัจจุบัน
โดยมีองค์กรรัฐ เช่น ธนาคารกลาง กำกับดูแลการเคลื่อนไหว โยกย้าย เปลี่ยนมือเกี่ยวกับเงินสดๆ ดิจิทัล ทั้งโยกย้ายในประเทศหรือระหว่างประเทศ
“ก.ล.ต.” ดูเงินการซื้อขาย โยกย้ายของคริปโตฯ, กระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลการเคลื่อนไหว เปลี่ยนมือโฉนดที่ดินดิจิทัล, กระทรวงการต่างประเทศ กำกับดูแลพาสปอร์ตดิจิทัล, กระทรวงคมนาคม กำกับดูแลบัตรรถสาธารณะใยแมงมุมดิจิทัล, กระทรวงวัฒนธรรม กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนมืองานศิลปะดิจิทัล
สิ่งเหล่านี้รัฐบาลของประเทศนั้นๆ ทำได้ทันที เมื่อมีระบบการเงินและทรัพย์สินดิจิทัลอยู่ในกำมือ และยังเป็นนวัตกรรม เทคโนโลยีตัวเดียวที่ทำให้รัฐบาลดิจิทัลมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงทุกหน่วยงานรัฐเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เปิดให้เอกชน ประชาชนเสียบปลั๊กได้
แต่มันไม่เวิร์ค สวนทางกับงบประมาณแต่ละปีที่ตั้งไว้สูงเกือบทุกกระทรวง แถมมีหน่วยงานที่ดูพัฒนารัฐบาลดิจิทัลก็ไม่ทำตัวเป็นหัวรถจักรดิจิทัลของประเทศไทย
ทุกสิ่งที่ยกขึ้นมา รวมถึงนโยบายเรือธง “เงินหมื่นดิจิทัล” มันทำอยู่บนระบบสินทรัพย์ดิจิทัล แต่รัฐบาลยังพายเรือในโอ่ง สุดท้ายฉี่ไม่สุด บ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของ “แซนด์บ็อกซ์คริปโตในไทย” ที่ภูเก็ตได้เป็นอย่างดีว่าล้มเหลว
……………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น