คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) นัดชี้ชะตา ฮั้วเลือกสว.67 เข้าข่าย พฤติกรรมไม่สุจริต-เที่ยงธรรม ตามกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกสว. ล็อกเป้า 138 สว.
ผู้ร้องตั้งข้อสังเกตระหว่างเลือกเป็นตามโพยก๊วน โดยเฉพาะ 20 กลุ่มสาขาอาชีพ คนที่ได้ลำดับ 1-6 ของแต่ละกลุ่ม แต้มออกมาสูงเป็นพิเศษ คะแนนผิดธรรมชาติ ไม่กระจาย
พยานหลักฐานทยอยเปิดออกมา และจากการสอบถามข้อมูลจาก “ผู้ที่สอบตก” ตรงกัน ถือโพยตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด โดยเฉพาะเลือกระดับประเทศ ปรากฏหลักฐานแจ่มชัดที่สุด เพราะระบบการเลือกสว. บังคับให้ผู้สมัครเกือบทุกคน ต้องถือโพย
ตามท้องเรื่องการฮั้วระดับประเทศเกิดขึ้นในจังหวัด ที่ “หัวหน้าขบวนการใหญ่” ข้องใจในจังหวัดที่ตัวเองมีบารมีอยู่ วางคนของตัวเองทุกกลุ่มสาขาอาชีพ ลงสมัครเป็นกองพัน หวังได้ยกจังหวัด แต่ถูก “ผู้สมัครโนเนมทางการเมือง” วาง “ค่ายกลเขาวงกต” เขี่ยคนของหัวหน้าขบวนการใหญ่สอบตกเป็นทิวแถว
ถึงขั้น “ด่าลูกน้องในจังหวัด” เลี้ยงเสียข้าวสุก ทำงานไม่เต็มที่ แม้คนของตัวเองเข้ามาได้ แต่มารู้ทีหลังว่า ผู้สมัครโนเนมคนนี้ ชนะด้วยค่ายกล

“หัวหน้าก๊วน” ด้วยความเป็นคนหัวเร็ว ดีดลูกคิดหานักโปรแกมเมอร์ ที่เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์มาถอดสูตรไปใช้ระดับประเทศ ถอดได้หมดเปลือก แต่นำไปประยุกต์ใช้แบบดิบๆ ผลที่ออกมา คนที่อยู่ในขบวนการคะแนนถึงสูงผิดปกติ
หาก “เจ้าของสูตร” ลงมือทำเอง โดยวางกำลังคนมากขนาดนี้ การันตีกวาดเรียบ 200 คน ตัวจริงพร้อมตัวสำรองอีก 100 คน ไม่มีกระเซ็นตกน้ำแม้แต่คนเดียว
พอผลประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษออกมา เลื่อนลงมติ รับคดีฮ้้วเลือกสว.ไว้เป็นคดีพิเศษออกไปเป็นวันที่ 6 มี.ค.68 เพื่อเชิญ “อิทธิพล บุญประคอง” ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาร่วมประชุมวันที่ 5 มี.ค. เพื่อหาข้อสรุปให้ชัดๆ ว่า กกต.รับคดีเลือกตั้งไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกสว.หรือไม่ หลังจากเลขาธิการกกต.ส่งหนังสือมา แต่ไม่ใช่ “มติกกต.ใหญ่”
ฟังน้ำเสียงของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม-ประธานบอร์ดคดีพิเศษ ยังเดินหน้าลุยถั่วต่อ “ถ้ากกต.ไม่ทำคดีเลือกตั้ง ดีเอสไอพร้อมทำควบคู่คดีอาญา ตามเสียงในที่ประชุมส่วนใหญ่ชี้ไปทิศทางเดียวกัน เป็นความผิดอาญา เข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน แต่ควรผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองดีเอสไอก่อนเข้าชุดใหญ่เพื่อความโปร่งใส”
“บอร์ดคดีพิเศษ” ก่อนเคาะคดีนี้เข้าสู่ “แดนประหาร” พยายามใช้อำนาจด้วยความระมัดระวัง หวั่นถูกมองใช้อำนาจฝ่ายบริหารไปแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ คดีนี้จึงเป็นหนังม้วนยาวกว่าจะสะเด็ดน้ำส่งอัยการฟ้องศาล

แต่ดูอาการของสว.ที่ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ กลับดิ้นเหมือนถูกขี้เถ้า เคลื่อนไหวดับเครื่องชน “ดีเอสไอ” และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม มาตลอดตั้งแต่คดีเดินมาถึงตีนบันไดกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ถึงขั้นเปิดตำรากฎหมายตีเป็นลูกระนาด เตรียมย้อนเกล็ดคืนทุกดอก ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป แจ้งความเอาผิดอาญาหลายกระทง เล่นงานหลายองค์ความผิดส่งป.ป.ช.เชือด ส่งศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่ง
เปิดหน้าสู้แบบนี้ “ฝ่ายแดง” แค่ต้องการ “ตีเมืองขึ้น” ยึดสว.เป็นพวก ลดอำนาจต่อรอง “ฝ่ายน้ำเงิน” หรือดำเนินตามกระบวนการกฎหมายโดยสุจริตใจ เพื่อกวาดล้างขบวนการอั้งยี่ ซ่องโจรที่ “หัวหน้าแก๊ง” บังอาจยึดอำนาจรัฐ
…………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย….#ราษฎรเต็มขั้น