ตกใจมากสำหรับ งบประมาณรักษาพยาบาลตก 3.6 แสนล้านบาทต่อปี เฉลี่ยรวมทุกระบบมีค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลอยู่ที่ 5 พันบาทต่อคนต่อปี
นั่นเป็นภาพรวมที่ คณะกรรมการพิจารณาค่ารักษาพยาบาลภายใต้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาล ที่มี “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง นั่งหัวโต๊ะถกปมปัญหาใหญ่ของประเทศ
โดยสแกนทั้งระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ-ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น-ประกันสังคม-ระบบหลักประกันสุขภาพ แม้ยังขาดบุคลากรในองค์กรอิสระหรือบางหน่วยงานที่ได้จัดสรรงบไว้สำหรับส่วนนี้แล้ว
รัฐบาลเร่งรัดส่องหาแนวทางบริหารจัดการงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทุกอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยไม่ไปลดสิทธิประโยชน์กลุ่มไหนทั้งสิ้น
ดูทรงแล้วรัฐบาลกล้าตัดก้อนเค้กแห่งผลประโยชน์ เน้นซื้อยา เวชภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ ลดพึ่งพานำเข้ายาจากต่างประเทศตกปีละ 2 แสนล้านบาท หรือ มูลค่ากว่า 50% ของงบประมาณรักษาพยาบาลทั้งหมด
พร้อม เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพ ให้เป็น ระบบเดียวกันทั้งประเทศ ทุกหน่วยงานบริหารเข้าถึงข้อมูลการเบิกจ่ายยา ข้อมูลสุขภาพประชาชน
ประเด็นนี้ต้องถกกันยาว เพราะเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ต้องทำภายใต้หลัก “เจ้าตัว” คือ “ประชาชน” อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลเป็นรายครั้ง หรือเข้าถึงเฉพาะข้อมูลที่เป็นพฤติกรรมป่วย การใช้ยาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าประชาชนคนนั้นคือใคร ยกเว้นแพทย์ เภสัชกรที่จ่ายยาเท่านั้น
แม้ขณะนี้มีการใช้เทคโนโลยีเชื่อมระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ตามนโยบาย 30 พลัส ยกระดับร้านยาใกล้บ้าน ลดรอคิว รับยา 16 กลุ่มอาการฟรี แต่ยังไม่ล้ำยุครองรับเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ
จุดนี้เกี่ยวข้องกับ ระบบรัฐบาลดิจิทัล ที่ “รัฐบาลเพื่อไทย” ต้อง “คิดใหญ่ทำเป็น” อย่าวางกรอบคิดเพียงเพิ่มศักยาภาพทำงานขององค์กรรัฐให้รวดเร็ว ก้าวทันตามเทคโนโลยีขององค์กรเอกชน
“แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ ต้องวาดฝันถึง “กลไกรัฐ” เป็น “รัฐกิจ” วางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เหมือนวางระบบไฟฟ้า ระบบประปา แล้วเปิดบริการให้ประชาชน ภาคเอกชนเข้ามาเสียบใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
“โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” ตัวนี้แหละ เป็นถนนใหญ่ที่เปิดให้เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพให้วิ่งโลดแล่นอยู่บนถนนสายหลัก
ฉายภาพให้แจ่มจรัสมากยิ่งขึ้น การเชื่อมข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเป็นแค่รถบรรทุก 18 ล้อคันหนึ่งที่วิ่งอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
คราวนี้ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงมหาดไทย ก็เปรียบเหมือนรถบรรทุก 18 ล้ออีกคันหนึ่ง กระทรวงกลาโหม หน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงกลาโหม หรือ กระทรวงอื่นๆ หน่วยงานในกระทรวงอื่นๆ ล้วนเป็นรถบรรทุก 18 ล้อเช่นเดียวกัน
รวมถึง ภาคเอกชนที่ใหญ่ๆ ก็เป็นรถบรรทุก 18 ล้อ หากองค์กรเล็กหน่อย ก็เป็นรถบรรทุก 10 ล้อ ลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ หากเป็นประชาชนเปรียบเหมือนเป็นรถจักรยาน ที่สามารถเสียบปลั๊กใช้บริการบนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้
บนความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล องค์กร หน่วยงานต่างๆ และทำงานชนิดเรียลไทม์ ไร้รอยต่อ
รัฐบาลต้องคิดเชิงโครงสร้างวาดภาพให้เห็นเหมือนอาคารก่อสร้าง สตง.ถล่ม หลังแผ่นดินไหว อย่าโฟกัสแค่เหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน ขอย้ำให้ดูเชิงโครงสร้างเคลื่อนไปพร้อมทั้งประเทศ
รัฐบาลอย่า “คิดในกรอบ” ออกแบบระบบเฉพาะเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพให้เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ แบบนี้ “เสียของ”
………………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
