“เกมต่อรองกำแพงภาษี” ระหว่าง “ไทย” กับ “สหรัฐอเมริกา” ถูกเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ถูกสังคมตั้งคำถามทันทีว่า “เลื่อนนัด” หรือ “นัดไม่ได้” เอาเป็นว่า…เลื่อนออกไปไม่มีกำหนดว่าจะได้เจรจาเมื่อไหร่
บนสถานการณ์ทาง สหรัฐฯแบนวีซ่าผู้นำไทยในระดับแกนนำรัฐบาล อย่างน้อย “3 คน” ที่เป็นระดับ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่” และ “บิ๊กข้าราชการ” ที่เกี่ยวข้องกับดูแล “ความมั่นคง” ปม ส่งกลับชาวอุยกูร์ และยังมี “เผือกร้อน” ที่ “นักวิชาการชาวสหรัฐฯ” ถูกขับ ปมหมิ่นสถาบันเข้าอีกดอก
ไทยถูกสหรัฐฯเอาปูนป้ายหัวแนบชิดกับ “พญามังกรจีน” และไทยยังเจอทางการจีนจับตาคดีอาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (สตง.) ถล่ม เพราะมีบริษัทของจีนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง
ทำให้ปัจจัยภายนอก ทั้ง “พญาอินทรี” และ “พญามังกร” บีบ “ไทย” รัฐบาลต้องเปิดเกมด้วยความระมัดระวัง ระหว่างที่รอล็อกนัดใหม่ อยากให้ “ชิงจังหวะเปิดเกมรุกรับมือวิกฤติเศรษฐกิจระดับโลก” ที่กำลังระเบิดขึ้น
โดยในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดทิ้งทวนก่อนปิดเทอม ได้เสนอญัตติด่วนรับมือ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทุกประเทศทั้งโลก ทั้งชาติที่เป็นมิตรและศัตรู
เฉพาะในวันนั้นมีสส.หลายคนแนะนำ “ทางสว่างให้ประเทศ” หากรัฐบาลนำไปปรับใช้รับรองเป็นผลดีต่อบ้านเมือง
อาทิ “ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จุดพลุให้รัฐบาลเตรียม “มาตรการฉุกเฉิน” โดยเฉพาะการเยียวยาผลกระทบจากกำแพงภาษีครั้งนี้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน
ปัญหาคือ “งบประมาณการคลังเหลือน้อย-หนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน” กู้เพิ่มได้อีกในปีงบประมาณ 68 ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท สถานการณ์วันนี้ต้องแก้กฎหมายขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะเพื่อกู้เงินเพิ่ม

ก่อนเดินหน้าแก้กฎหมาย “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ควรคลอด “มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่” มีแผนชัดเจนให้สังคมสัมผัสได้ ตามด้วย “ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ” ควบคู่กันไป
ก่อนเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวันที่ 28-30 พ.ค.68 พ่วงพิจารณาพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
ก่อนหน้านั้น “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ แย้ม “ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ” หลังสงกรานต์ ปักธงเสร็จปี 2569 เหลือเวลาอีกเดือนกว่า รัฐบาลเพื่อไทยต้องหั่นงานรูทีนทิ้ง
เพื่อใช้เวลาอันมีค่าระดมสมองกำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ สร้างความหวังให้สังคมได้เห็นโอกาสในวิกฤติ
แล้วค่อยแพลมให้เห็นว่า รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินก้อนใหญ่เท่าไหร่ เพื่อแก้ไขขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะ
ทั้งหมดสรุปและแถลงเป็นทางการเปิดให้สังคมได้เห็นไส้ใน ก่อนผลักดันเข้าที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาไปพร้อมๆ กับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี 69 ไปเลย
ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โปร่งใส ไม่มีตัด “ก้อนเค้ก” แห่ง “ผลประโยชน์” ให้ “นักการเมือง”
…………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย….#ราษฎรเต็มขั้น