“กกต.” หรือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และ “บิ๊กแหวง-แสวง บุญมี” เลขาธิการกกต. ถูกสังคมกดดันถึงการทำตามอำนาจและหน้าที่ จัดการเช็คบิลพวกโกง ทุจริต ซื้อเสียงเลือกตั้ง
โดยเฉพาะในระดับชาติ ทั้ง เลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด ว่ากันว่า มีการซื้อเสียงสูงสุดทำลายประวัติศาสตร์การเมืองสีเทาของประเทศไทย ตามด้วย การเลือกสว.ปี 67 สุดอื้อฉาวจนกลายเป็น คดีฮั้วเลือกสว. ตามด้วย คดีฟอกเงิน และ อั้งยี่ซ่องโจร
ล่าสุดเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 8 นครศรีธรรมราช 6 พรรคการเมืองลงชิงชัย มีผู้สมัครสส.บางคนแฉจะๆ ซื้อเสียงเหมือนเล่นไพ่เกทับกันไปมา เงินสดอย่างน้อย 170 ล้านบาทที่ถลุงในพื้นที่เลือกตั้ง
ทีเด็ดอยู่ที่ “เจ้าพ่อพนันออนไลน์ในพื้นที่ภาคใต้” หอบเงินเข้าพื้นที่ 3 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง และมี “มือปืนระดับพระกาฬ” พร้อม “ลูกหาบ” ปูพรมเต็มพื้นที่ โดยมี “เจ้าหน้าที่รัฐ” มองตาปริบๆ “กกต.” ลงพื้นที่ไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติ แม้มีเรื่องร้องเรียนบ้าง แต่ขอให้ “ผู้มีหลักฐาน” มายื่นถึงตีนบันไดก่อนจัดการ
เลือกตั้งสส.ครั้งใหญ่-เลือกสว.-เลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครฯ ไม่นับรวมเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ใช้ปัจจัย “กระสุนดินดำ” เป็นตัวชี้ขาด แต่ “กกต.” บ้อท่า จับ “คนทำผิด” โชว์ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้

“กลุ่มสว.สำรอง” จึงออกมาเคลื่อนไหวกดดัน “กกต.” จัดการคดีฮั้วเลือกสว. จน “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” (ดีเอสไอ) รับคดีฟอกเงินและคดีอั้งยี่ซ่องโจรเป็น “คดีพิเศษ” และ “กกต.” ถูกสังคมมองไม่ขยับ ก็เร่งเครื่องจัดการตามกฎหมายการได้มาซึ่ง สว.
ประเดิม ลงดาบ “หมอเกศ-ศ.ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย” สว.ตัวตึงสายสีน้ำเงิน ผู้ได้คะแนนสูงสุดในระดับประเทศอันดับ 1 โดย “กกต.” ลงมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา ตามกฎหมายการได้มาซึ่งสว. เพื่อชี้ขาดสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ปมหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ
จากเหตุที่แจ้งว่า ได้รับตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” มีคุณสมบัติ “ดอกเตอร์” จากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา และยังมีปม “สวมชุดครุย” ไม่ตรงปกจากมหาวิทยาลัยที่จบ
3 ประเด็นหลักมีหลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุดแน่ ศาลฎีกาประทับรับฟ้องเมื่อไหร่ “สว.ตัวตึง” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลมีคำพิพากษา และเจ้าตัวยังรอลุ้นระทึกคดีฮั้วเลือกสว.อีก ที่ “กกต.” กำลังเขย่าข้อมูลต่อจิ๊กซอว์อยู่

งานนี้เล่นเอา “สว.สายสีน้ำเงิน” และ “ขบวนการได้มาซึ่งสว.” สะท้านแน่ เพราะการแยกกันสอบพิสูจน์ความผิดคนละกฎหมาย โดย “กกต.” พิสูจน์ความผิดเกี่ยวกับกฎหมายเลือกสว. “ดีเอสไอ” พิสูจน์ความผิดเกี่ยวกับฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจร แม้ “ความผิดทับซ้อนกัน” บ้าง แต่ “แยกสำนวน” ชัดเจน
นับเป็นการถ่วงดุลกันไปในตัว “กกต.กดดันดีเอสไอ”-“ดีเอสไอกดดันกกต.” เป็นพลังกระตุ้นขันนอตให้ “กกต.” เร่งสปีดตรวจสอบเร็วขึ้น
ย้อนกลับมาดูต้นเหตุที่ “ดีเอสไอ” รับคดีอั้งยี่เพิ่มเข้ามา หลังจากมี “มือดี” เข้าไปกล่าวโทษความผิดฐานนี้ที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง แล้วส่งเรื่องให้ “ดีเอสไอ” เมื่อเห็นมีบุคคลต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก จึงเคาะรับเป็นคดีพิเศษ แม้อยู่ในขั้นติดตามข้อมูลโยงถึง “ก๊วน 5 บิ๊กนักการเมือง” และสถาบันการเงินทยอยส่งข้อมูลเข้ามา
พยานบุคคล พยานเอกสาร พยานสถานที่ พยานวัตถุ พยานวิทยาศาสตร์ เข้ากับข้อกฎหมายอาญา กฎหมายเลือกสว. และรัฐธรรมนูญ กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ
สุดท้ายจับ “ก๊วน 5 บิ๊กนักการเมือง” ยุบ “พรรคการเมือง” เอาผิด “สว.ก๊วนน้ำเงิน” ได้หรือไม่…มันขึ้นอยู่กับ “ใต้ดิน-บนดิน-บนฟ้า” ขอยืมสำนวนของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ชี้ให้เห็นสถานการณ์การเมืองมาใช้กับสถานการณ์นี้ได้อย่างลงตัว
………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย….#ราษฎรเต็มขั้น