“สหราชอาณาจักรสยาม” ขีดเส้นเขตอธิปไตยไล่ตั้ง อยุธยา-เชียงใหม่–เวียงจันทน์-เขมร จนถูกฉีกอธิปไตยดินแดนใหม่ในยุคอังกฤษ-ฝรั่งเศสล่าอาณานิคมทั่วโลก พวกนักประวัติศาสตร์และขบวนการชาตินิยมของไทย พาทัวร์เจาะเวลาย้อนอดีต
พร้อมจุดพลุให้กองทัพไทยเดินตามโมเดลรัสเซียบุกยึดยูเครน ตะลุยยึดพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ อุดงมีชัย เปิดยุทธการยึดไปเจรจาไป “ขบวนการชาตินิยม” ขายไอเดียสุดโต่ง
เพราะ รัฐบาลกัมพูชา โดย “ฮุน มาเน็ต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา, “สมเด็จอัครมหาเสนนาบดีเดโช ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ฮึม “ปลุกกระแสชาตินิยม” กองทัพกัมพูชาระดมพลเคลื่อนทัพเตรียมปะ-ฉะ-ดะ
หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะเดือดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา 28 พ.ค.68 บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่อธิปไตย ที่มีธงไตรรงค์ปักปลิวไสว โดยกองกำลังทหารหาญไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว ปกป้องอธิปไตย ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ขณะที่แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาขึงขัง “ยืนหยัดอย่างมั่นคงในพันธสัญญาเปลี่ยนพรมแดนที่แบ่งปันเหล่านี้ให้กลายเป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ การพัฒนา”
ตอกย้ำเน้นแก้ปัญหาชายแดนแบบสันติ ตั้งแท่นส่งขอพิพาทไปยัง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ แม้จะ “ต้องเผชิญหน้ากับความตึงเครียด”

ถ้อยแถลงการณ์ของกัมพูชาแข็งกร้าว อ้างกองทัพไทยเปิดฉากยิงใส่ฐานทัพของกัมพูชาที่หมู่บ้านเตโซโมโรโกต อ.โชมคซาน จ.พระวิหาร พื้นที่ที่ได้รับการยอมรับมานานเป็นฐานของกัมพูชา
แถมยื่นคำประท้วงอย่างเป็นทางการ ต่อการใช้กำลังของกองทัพไทย โดยกล่าวหาแรงถึงขั้นละเมิดอำนาจอธิปไตยบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ขัดหลักแห่งความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีตามเอ็มโอยู 43
เหตุการณ์เดือดครั้งนี้ถึงขั้นที่ประชุมใหญ่ร่วมกันครั้งแรกของ สมัชชาแห่งชาติ-วุฒิสภาของกัมพูชา มีมติเอกฉันท์ส่งข้อพิพาทประเด็นอ่อนไหว 4 ปราสาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก
“กัมพูชา” เปิดยุทธการ “โลกล้อมไทย” ลากขึ้น “ศาลโลก”
“ฮุน เซน ตั้งใจเดินสุดซอยเพื่อประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระหว่างทางในห่วงที่เสวยอำนาจอยู่ ทำได้จริงแค่ไหนขึ้นอยู่กับผู้นำของประเทศไทย” อาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร อ่านขาดเกมของกัมพูชา
ท่าทีรัฐบาลไทย “ขยับช้ากว่ากระแสขบวนการชาตินิยม” แม้ออกแถลงการณ์ครั้งแรกย้ำจุดยื่นปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนโดยยึดแนวสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศและเอ็มโอยู 43

ไทยไม่เดินตามเกมเบรกขยายวงไปศาลโลก โดยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกเป็นตามมติ ครม. 12 มี.ค.67 รัฐบาล พื้นที่ทับซ้อนทุกพื้นที่ที่ใช้กลไกเจรจาตามสเต็ป “หากจำเป็นเปิดสงคราม เป็นตัวเลือกสุดท้าย” “บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม ย้ำถึงความพร้อมกองทัพไทย
ศึกนอกครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ร้อนระอุปะทุกลายเป็นสงครามได้ทุกเสียววินาที โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 “บิ๊กกุ้ง-พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” ขยับตบเท้าให้กำลังใจกำลังพล จนกลายเป็น “วีรบุรุษขวัญใจชาวไทย” ในเหตุการณ์ครั้งนี้
สอดรับกับการทหารรบพิเศษ หรือ “หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ” ฝึกทบทวนรูปขบวนเคลื่อนที่ พร้อมสนับสนุนภารกิจกองทัพบก “บิ๊กแมว-พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช” ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เตรียมยุทโธปกรณ์เป็นเครื่องมือของรัฐบาลเจรจาเพื่อสันติภาพ บนสถานการณ์กองทัพเรือกัมพูชาฝึกซ้อมรบใกล้เกาะกูดของไทย
“กองทัพ” ฮึมใส่ “กัมพูชา” ชนิดตาต่อตา-ฟันต่อฟัน แต่ “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ จับเข่าคุย 14 มิ.ย.68 ตามกรอบ “เจบีซี” หรือ “คณะกรรมการเขตแดนร่วมฯ” โดยไม่ต้องรอดูผลเจรจาล่วงหน้า เพราะล้มเหลวกลับมาชัวร์
ท่ามกลางคำถามที่ยังไม่มีคำตอบสำหรับ ตระกูล “ชิน-ฮุน” ที่มีสัมพันธ์แนบแน่น “ตีบทแตก” เล่นละครฉากใหญ่ได้สมบทบาท หรือต้องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติจริง
แต่ “ฝ่ายความมั่นคง” สแกนปมนี้ชนิดไม่ให้รอดพ้นสายตา ถึงเห็น “นายกฯอิ๊งค์” ออกอาการ หลังถูกบี้ถามปมร้อนฉ่าจนปะทะคารมกับ “น้องผู้สื่อข่าว” ที่ถามด้วยน้ำเสียง “รักชาติ”
……………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น