ไวรัสโควิด-19 อยู่ในภาวะเปลี่ยนแปลงตลอดโดยการกลายพันธุ์ เป็นต้นตอสถานการณ์แพร่ระบาดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่รู้จุดจบอยู่ตรงไหน ไม่มีความแน่นอนเกิดขึ้น
ข้อมูลยุคดิจิทัลไหลบ่ามหาศาล แม้เป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง แต่พอวันเวลาผ่านไปแค่อึดใจ ข้อเท็จจริงนั้นก็ขยับตามสถานการณ์ไม่ทัน เท่ากับว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับ เป็นข้อเท็จจริง ณ เวลานั้น เวลาผ่านไปก็ใช้ไม่ได้ เพราะถูกทดแทนด้วยข้อมูลใหม่สดที่ไหลบ่าเข้ามา
ขณะเดียวกันมีข้อมูลอีกส่วนอยู่ระหว่างศึกษา แต่บางจังหวะเวลาก็ต้องงัดเอามาใช้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 วิกฤติ บางครั้งในภาวะวิกฤตินั้นๆ ต้องชั่งน้ำหนักของการใช้ข้อมูล คำถามคือ ข้อมูลชุดนี้มันชัดเจนแค่ไหน???
แถมยังมีปัญหาใหญ่เข้ามาเจือปน โดยการสร้างข้อมูลขึ้นมา หรือข่าวปลอม ที่สร้างตามความคิดและวัตถุประสงค์บางอย่าง
ผสมด้วยข้อมูลเชิงอำนาจ ใครสร้างข้อมูล ใครปั่นกระแสให้ประชาชนเชื่อได้มากกว่ากัน ย่อมสร้างแรงกดทับให้อีกฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ทางการเมืองได้
ถึงขั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและผอ.ศบค.สั่งทุกกระทรวงตั้ง “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อเร่งชี้แจงข้อมูลถูกต้อง แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าตั้งแต่ยังไม่ทันออกโรง เพราะกลไกรัฐเทอะทะ อุ้ยอ้าย แก้เกมไม่ทันกระแสข่าวปลอม
การสื่อสารสาธารณะของรัฐบาลพ่ายยับ!! ตอกย้ำโดยการประชุมครม.เกือบทุกครั้ง นายกฯมักกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตีปี๊บสื่อสารให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น
และพยายามใช้กฎหมายข่มขู่ หรือดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ล่าสุด เอาผิดดารา Call Out บันเทิง…ที่ไม่บันเทิง
รวมถึงออกข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 เป็น “มาตรการป้องกันการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร” ก่อนกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้มาตรการกำปั้นเหล็กต่อสื่อมวลชนคนดังหรือเพจต่างๆ เพื่อต้องการจัดการข่าวปลอม
“ราษฎรเต็มขั้น” ขอกระซิบคนรอบข้างนายกฯที่เสนอแผนนี้ให้ ผอ.ศบค. ว่า “รัฐบาลด่าง…พร้อย” ภาพนายกฯ ติดลบชนิดกู่ไม่กลับ
คนรอบข้างนายกฯ ควรเอาเวลาไปศึกษาอารยประเทศที่ออกกฎหมายเอาผิดทางแพ่งกับเจ้าของแพลตฟอร์มเผยแพร่ข่าวปลอม ดีกว่ามาเที่ยวไล่จับผู้โพสต์ทีละคน และออกมาตรการป้องกันการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร
ยังดีที่ได้เห็นกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำลังเปิดแพลตฟอร์ม “Dashboard โควิด-19” รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดอัพเดทรายวัน และเปิดข้อมูลการจัดสรรวัคซีน
“ราษฎรเต็มขั้น” กำลังบอกว่า ความจริงทุกแง่มุมที่สังคมสงสัยเกี่ยวกับโควิด-19 รวมถึงสัญญาจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อต่างๆ ถูกเปิดเผยมากเท่าไหร่ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลมากเท่านั้น เพราะข้อมูลความจริงจากแหล่งต้นธารของข้อมูล เป็นวัคซีนสร้างภูมิต่อสู้ข่าวปลอมได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญ “พี่โทนี่ วู้ดซัม” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เสนอถึงสองครั้ง ขอให้นายกฯ สวมชุดพีพีอี บุกดงโควิด-19 โรงพยาบาลสนาม เพื่อดูพื้นที่จริง รับรองฟื้นศรัทธาขึ้นมาอย่างน้อย15%
“ลองเชื่อหน่อย ถือว่าเชื่อพี่แล้วกันน้องเอ๊ย อย่าไปคิดเสียฟอร์ม ลับหลังเราคุยกันมากกว่านี้ได้” “พี่โทนี่” ทิ้งท้ายเอาไว้ให้คิด
สิ่งที่ “พี่โทนี่” เสนอ “ราษฎรเต็มขั้น” เห็นด้วย100% และขอนิยามว่าเป็น “ทฤษฎีปรากฏกาย” เมื่อใดที่ผู้มีอำนาจ นักปกครอง กล้าลงพื้นที่วิกฤติ กล้าลุยดงโควิด-19 แม้มีความเสี่ยงสูง แต่รับรองกระแสศรัทธาฟื้นจากปากหลุมแน่ อย่างน้อยได้สัมผัสกลไกพื้นฐานในภาคสนาม ติดขัดอะไร ตรงไหน สามารถสั่งการหน้างานได้ทันที
ฉะนั้นรัฐบาลต้องกล้าออกกฎหมายจัดการทางแพ่งกับเจ้าของแพลตฟอร์มปล่อยข่าวปลอม
เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19ทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์ม “Dashboard โควิด-19”
ใช้ทฤษฎีปรากฏกาย เปิดหูเปิดตารับรู้สภาพข้อเท็จจริงจากภาคสนาม
เดินตามบันได 3 ขั้นรับมือวิกฤติโควิด-19และฟื้นฟูศรัทธาในตัวผู้นำ เพื่อเตรียมตัวเปิดเกมใหม่ฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศไทย
…………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย……“ราษฎรเต็มขั้น”