วันพุธ, มิถุนายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ซีเอสอาร์หมู่” 40 ซีอีโอพลัส“ต้องทำ”!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ซีเอสอาร์หมู่” 40 ซีอีโอพลัส“ต้องทำ”!

ในจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผอ.ศบค. เป็นประธานประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและ 40 ซีอีโอพลัส ปูทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19

หนึ่งในข้อเสนอมีแนวทางฟื้นฟูประเทศไทยอยู่ด้วย นับว่าเป็น “โจทย์ใหม่ที่ใหญ่…?” ทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

เพราะถึงเวลาต้องออกแบบโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุล มุ่งเน้นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ควบคู่กับการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไปพร้อมกันเสร็จสรรพ

โจทย์ใหม่ที่ใหญ่…จะแก้สำเร็จได้ อย่างน้อยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและ40ซีอีโอพลัสต้องเสียสละ กระจายโอกาสและทรัพยากรของชาติแบ่งปันที่เป็นธรรม ผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจที่สมดุล

การกระจายโอกาสและทรัพยากรที่เป็นธรรม นับว่าความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นการทำซีเอสอาร์ที่ยั่งยืน

ดีกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะอภิมหาเศรษฐีไทยประจำปีนี้ 9 อันดับแรกจากการจัดลำดับของฟอร์บส์ มีความร่ำรวยระดับตั้งแต่ระดับ 1 แสนล้านบาทถึง 9.48 แสนล้านบาท ทุ่มงบประมาณแข่งกันทำซีเอสอาร์ผ่านการบริจาคเงินหรือสิ่งของต่างๆ

และที่ผ่านมา มีหลายบริษัทที่ลงท้ายด้วย “มหาชน” กันงบประมาณส่วนหนึ่งสำหรับหยอดกลไกรัฐให้ไหลลื่น รวมถึงจับใส่พานให้พรรคการเมือง ที่มีโอกาสเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อกำหนดนโยบายให้เอื้อต่อบริษัทตัวเอง หรือไม่ให้ออกนโยบายที่กระทบต่อต่อบริษัทนั้นๆ

ฉะนั้นไม่ว่ารัฐหรือพรรคการเมืองจะกำหนดยุทธศาสตร์ ออกนโยบายด้านไหน ตรวจสอบอะไร บริษัทเหล่านี้ย่อมรู้ล่วงหน้า สามารถ ล็อบบี้ “ผู้มีอำนาจ” เพื่อให้นโยบายนั้นเปิดโอกาสเอื้อแก่บริษัทมากที่สุด

ฉะนั้น “ราษฎรเต็มขั้น” เชื่อมั่นว่าวันนี้เป็นวิกฤติในโอกาสที่ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน จะมุ่ง “กระจายโอกาสและทรัพยากรที่เป็นธรรม” นับเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูประเทศ

สุดท้ายประเทศไทยจะมีโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่สมดุล ยุทธศาสตร์และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชัดเจน เอื้อต่อธุรกิจของภาคเอกชน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน

ระหว่างที่รอให้ถึงวันนั้น เราก็ยังคงได้เห็นภาพบริษัทยักษ์ใหญ่ทำซีเอสอาร์ช่วยเหลือรูปแบบต่างๆ ให้ประชาชนผ่านพ้นความทุกข์ยากในช่วงโควิด-19

หนึ่งในนั้นคือ “ซีพี ออลล์” เป็นบริษัทที่สังคมพูดถึงด้านลบและบวกมากเป็นลำดันต้นๆ ของประเทศไทย แต่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะนายกรณ์ จาติกวณิชย์ หัวหน้าพรรคกล้า เคยเสนอให้เครือข่าย ร้าน 7-11 ช่วยกระจายอาหารให้ผู้ป่วยโควิดที่กักรักษาตัวอยู่ที่บ้านหรือที่ชุมชน

ในจังหวะเชื้อกลายพันธุ์เดลต้ากำลังระบาดในไทยและในหลายประเทศทั่วโลก แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้น

ล่าสุด ศบค.เปิดระบบ “BKK HI Care” เพื่อติดตาม ดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง สีเขียว ที่รักษาหรือกักตัวที่บ้านหรือชุมชนอย่างอบอุ่น เพื่อให้ผู้ป่วยรายงานและรับคำแนะนำที่ถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์

“ราษฎรเต็มขั้น” ขอเสนอรัฐบาล หรือ ศบค.ควรจับมือกับ “ซีพี ออลล์” เพื่อขอความร่วมมือจากร้าน 7-11 กระจายอาหารให้ผู้ป่วยโควิดที่กักรักษาตัวอยู่ที่บ้านหรือชุมชน

เพราะร้านสะดวกซื้ออยู่ใจกลางชุมชน ใกล้ชิดประชาชน แค่เพิ่มภารกิจสำคัญสวมบทเดลิเวอรีช่วยให้สังคมอิ่มในยามป่วย

หากทำสำเร็จนอกจากขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ” เพราะ ซีพี ออลล์ มีระบบนิเวศเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเอสเอ็มอี เกษตรกร ซับพลายเออร์ ที่มีเกือบ3ล้านคนแล้ว

“ซีพี ออลล์” ยังจะถูกจารึกชื่อว่าเป็น“ผู้เยี่ยวยาทางจิตใจ…!ของสังคม” ในยามยากอีกด้วย

……………………

คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก

โดย…“ราษฎรเต็มขั้น”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img