ศึกแก้ไขรัฐธรรมนูญเฉพาะระบบเลือกตั้ง เปลี่ยนจากส.ส.เขต 350 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ เป็นส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
เพื่อปรับกติกาเข้ากับสมรภูมิของตัวเอง ตอบสนองความต้องการอำนาจทางการเมืองเท่านั้น ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนด้านใดๆเลย
สะท้อนให้เห็นว่า ตัวแทนของประชาชนในรัฐสภาส่วนใหญ่ ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนตัวจริง เสียงจริง
“ราษฎรเต็มขั้น” อยากเห็นพรรคการเมืองและรัฐบาลตบอกรื้อ “กลไกรัฐที่ขึ้นสนิม” โดยเริ่มต้นจากออกแบบรัฐธรรมนูญให้เหมาะกับสภาพสังคมไทย
ให้สมดุลกันระหว่างฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ และกระจายอำนาจเต็มรูปแบบ
เลิกเสียทีการรวม “ศูนย์อำนาจ-งบประมาณ-กำลังพลข้าราชการ” กองที่ส่วนกลาง แล้วสยายปีกไปคุมท้องถิ่น เพราะอุ้ยอ้าย แก้ไขปัญหาไม่ทันสถานการณ์ กำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายเกือบทุกด้านไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาในท้องถิ่น
โดยเฉพาะต้นปี 63 ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดเข้าประเทศไทย ไล่ขวิด ฝ่ายกุมอำนาจจำเป็นต้องรัฐเร่งสร้าง “โมเดลการเมืองปกครองวิถีใหม่”
โจทย์ใหญ่ๆ สำคัญต่ออนาคตของลูกหลานของเราและประเทศไทย พรรคการเมือง และรัฐบาลไม่ชวนจับมือกันขับเคลื่อน
กลับไปเล่นเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย” ที่สถาปนาตัวเองเป็นปีกประชาธิปไตย ครั้งนี้กล้าหาญจับมือกับฝ่ายที่ยึดอำนาจจากตัวเองไป ก่อนผ่องถ่ายอำนาจเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ผ่าน “พรรคพลังประชารัฐ”
ทั้งที่ย้ำจุดยืนมาตลอดต้องการล้ม “ระบอบประยุทธ์” ฟื้นฟูประชาธิปไตย
และพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายพรรคที่สวยหรู “ต้องการปฏิรูประบบราชการอุ้ยอ้าย ไร้ประสิทธิ์ภาพ สัดส่วนงบประมาณแผ่นดินส่วนใหญ่ยังเป็นงบประจำ ทำให้เหลืองบเพื่อการพัฒนาน้อย ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของประเทศ การบริหารงานภาครัฐยังเป็นแบบรวมศูนย์ ขาดการกระจายอำนาจ”
เมื่อเห็นพฤติการณ์การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 ที่ผ่านมา ในชั้นกมธ. ขัดแย้งกับนโยบายของพรรคเพื่อไทยชัดเจน
เช่นเดียวกับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ต่อสู้กับ “ระบอบทักษิณ” มาตลอด โดยโจมตีรุนแรงถึงขั้นเป็น “เผด็จการรัฐสภา” และเคยประกาศบอยคอตเลือกตั้ง 2ก.พ.57 เพราะระบอบประชาธิปไตยถูกบิดเบือนโดยคนบางกลุ่ม ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ถึงเวลาต้องปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง
ขอย้ำพอถึงคิวแก้รัฐธรรมนูญ “พรรคพลังประชารัฐ–พรรคเพื่อไทย–พรรคประชาธิปัตย์” จากขั้วการเมืองตรงข้ามผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ กลับหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน
“ราษฎรเต็มขั้น” ดูลีลา 3 พรรคใหญ่แล้ว ไม่ขอพูดมาก เพราะเจ็บคอกับคำว่า “ประชาธิปไตย” แสดงให้เห็นว่านักการเมืองไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตยตามที่ประกาศเช้า-เย็น-หลังอาหาร
ม็อบนักศึกษา-เยาวชน-ประชาชน จำเป็นต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะกับอำนาจรัฐที่ปกครองประเทศอยู่ จนกว่าโครงสร้างประเทศไทยจะเข้าสู่ “โมเดลการปกครองวิถีใหม่”
วันนี้ปล่อยให้ “ระบอบทักษิณ – ระบอบประยุทธ์” จับมือ 3 พรรคใหญ่ ทำเพื่อตัวเองไปก่อน
อีกไม่นานคงได้เห็นระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ ตาม “โมเดลการปกครองวิถีใหม่”
……………………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”