วิกฤติเศรษฐกิจในยุคข้าวของแพงค่าแรงถูก แพงทั้งแผ่นดิน วิกฤติโรคระบาด ทั้งโควิด-19 โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร วิกฤติทางการเมือง ยุคปฏิรูปการเมืองที่ล้มเหลว ยุคการเมืองที่ใช้เงินเป็นหลัก วิกฤติความล้มเหลวบริหารราชการแผ่นดิน
4 ข้อหาใหญ่ที่ฝ่ายค้านใช้อภิปรายทั่วไป 2 วัน เปิดฉากวันแรกเน้นกลุ่มเศรษฐกิจปากท้อง โรคระบาดคนและสัตว์ วันถัดไปเน้นกลุ่มปฏิรูปประเทศ การเมืองและกลุ่มทุจริตคอร์รัปชัน
“ถ้าผมยังอยู่ ไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด” การันตีตัวเองกลางสภา หลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถูกตั้งคำถามถึงบริหารประเทศส่อไปทางทุจริต ส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน
เจอ “เต้ พระราม7” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เบิกเนตรให้เห็นกลิ่นการทุจริต กรณีหมูแพงจากโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF : African Swine Fever)
ฟาร์มหมูของเจ้าสัว-ฟาร์มนักการเมือง ฟันกำไรรอบ 3 เดือน 18,900 ล้านบาท
ประชาชนจ่ายค่าหมูแพงขึ้น รวมทั่วประเทศ 30,000 ล้านบาท ทุจริตจากเลือดเนื้อชาวบ้าน
โดยเปิดชื่อย่อนักการเมือง “จ-ต-ป” และข้าราชการชื่อย่อ “ว-ส.” ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
บี้เอาผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กับ “กรมปศุสัตว์” “กรมการค้าภายใน” “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รมว.พาณิชย์ “ประภัทร โพธสุธน” รมช.เกษตรฯ และ “บิ๊กตู่”
แม้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ “รมช.เกษตรฯ” ลุกขึ้นชี้แจงร่ายยาว ตั้งแต่ต้นตอถึงการป้องกันโรคระบาดในหมู
ฟันธง “หมูตาย” ไม่ได้เกิดจากโรค ASF ไร้หมูขาดตลาด โยนเผือกร้อนให้กลไกตลาดถูกบิดเบือน ต้นเหตุหมูแพง ทุกอย่างดำเนินการโปรงใส่
แต่ไม่ยอมชี้แจงถึง “กรมปศุสัตว์” ประกาศพบเชื้อ ASF เมื่อไหร่ ฆ่าหมูกี่ตัว มีนักการเมืองได้ประโยชน์หรือไม่
นี้แค่ฉายหนังตัวอย่างฉายให้เห็นภาพผลประโยชน์ตกหล่นที่กระทรวงเกษตรฯหรือไม่
ยังมีเมกะโปรเจคขยายสัมปทาน 30 ปีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ กทม. โดยกระทรวงมหาดไทยพยายามฝ่ากระแสต้านสังคมเข้าครม.
สวนทาง “4 ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.” ทั้ง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์-วิโรจน์ ลักขณาอดิศร-รสนา โตสิตระกูล” และ “ดร.มานะ นิมิตมงคล” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่เสนอให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่และรัฐบาลใหม่รับลูกต่อ
จังหวะนี้รัฐบาลบริสุทธิ์ใจจริง ทำได้เพียงหยิบโครงการรถไฟสายสีส้ม มูลค่าก่อสร้างกว่าแสนล้านบาท และค่าสัมปทาน 30 ปีสายตะวันออก และสายตะวันตกของสายสีส้ม ผลประโยชน์ก้อนใหญ่รออยู่
ขึ้นมากางสัญญาเจรจาควบคู่กับสายสีเขียว หล่อสารตั้งต้นให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่และรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาตะลุยต่อ
อย่าปล่อยให้นักการเมืองจับมือเอกชน ปล้นประเทศและจับประชาชนเป็นตัวประกัน
งานนี้หากครม.ยังกล้าไฟเขียวขยายสัมปทานรถไฟสายสีเขียว ซึ่งขัดต่อกฎหมาย-หลักธรรมาภิบาล “พรรคประชาธิปัตย์” และ “พรรคภูมิใจไทย” ต้องกล้าสละเรือแป๊ะกลางทะเล
ไม่เช่นนั้นเตรียมถูกประชาชนลงโทษในศึกเลือกตั้งใหญ่
………………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย…#ราษฎรเต็มขั้น