เปิดโต๊ะ..แทงผลเลือกตั้ง“ผู้ว่าฯกทม.” อีกหนึ่งปัจจัยชี้ชะตาพ่อเมืองคนใหม่

สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกยุคลองโควิด ตกอยู่ในสภาพคล้ายกัน “อำนาจและทุน” เดินคู่ขนาน “ภาคประชาชน” โดยเฉพาะในประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ทำให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ตกเป็นจำเลย ถูกมองว่า ออกนโยบายเอื้อต่อทุน ใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชนไปในทิศทางเดียวกัน แม้แต่ประเทศไทยก็อยู่ในข่ายนั้น

ล่าสุดการสำรวจหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรกของ Ipsos ปรากฎว่า หนุ่มสาววัย18-24ปี เลือกที่จะงดออกเสียงสูงถึง 42% เช่นเดียวกับหนุ่มสาววัย 25-34 ปี เลือกงดออกเสียง 46%

แล้วการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสุดท้ายที่จะมีขึ้นจะเลือกใคร ปรากฎว่าส่วนใหญ่ก็งดออกเสียง หรือไม่ไปเลือกตั้ง เพราะทนเห็น “นักการเมือง” ทำงานเพื่อคนรวยหรือทุน แม้สุดท้าย “แอมานุแอล มาครง” คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นสมัยที่ 2 ไปได้

อย่างน้อยเป็นการส่งสัญญาณเตือนบรรดานักการเมือง และกลไกรัฐของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เห็นได้จากมีสารพัดม็อบเยาวชนกลุ่มต่าง ๆ ออกมาเคลื่อนไหว

แต่กลไกของรัฐ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในกระทรวงต่าง ๆ ยังบริหารงานเหมือนเดิม และบรรดานักการเมืองส่วนใหญ่ยังทำหน้าที่ปกป้องนายทุนมากกว่าประชาชน เยาวชนและประชาชนจำนวนหนึ่งมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง

ตรงกับจังหวะที่นิด้าโพลสำรวจหัวข้อ “อยากเลือกตั้งผวจ.ของตัวเองหรือไม่” ปรากฎว่ากลุ่มตัวอย่างอยากเลือกตั้งผวจ.สูงถึง 64.14% และค่อนข้างอยากเลือกตั้งผวจ. 18.64%

เพราะเชื่อมั่น “ผวจ.จากการเลือกตั้ง” เข้ามาพัฒนาจังหวัด รับใช้ประชาชนได้ดีกว่าผวจ.ที่ส่งตรงมาจาก “ส่วนกลาง”

ก่อนหน้านั้น “คณะก้าวหน้า” ก็ขยับใหญ่ “คิกออฟเคมเปญ” ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น แก้รัฐธรรมนูญ หมวดการปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมเสนอแนวทางการกระจายอำนาจ

และภายใน 5 ปี หลังครม.ทำแผนยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ต้องทำประชามติว่า “ประเทศไทยจะมีราชการส่วนภูมิภาคต่อไปหรือไม่” พูดง่าย ๆ เสนอยกเลิก ผวจ. นายอำเภอ และราชการส่วนอื่นๆ ที่ขึ้นตรงต่อ ผวจ.จากส่วนกลาง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ผวจ. 

“ราษฎร์เต็มขั้น” ลุ้นให้ยกเลิกนายองค์การบริหารส่วนจังหวัด ยกเลิกกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และกำหนดให้การปกครองส่วนท้องถิ่นเหลือเฉพาะ ผวจ. นายก อบต. ที่มาจากการเลือกตั้ง

ส่วนสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงพัดไปถึงขั้นนั้นได้หรือไม่ ต้องรอลุ้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถ้าขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเข้าวิน รับรองการเมืองระดับชาติเปลี่ยงแปลงเร็วแน่

ลองไปดูว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขั้วเดียวกับรัฐบาลหรือขั้วตรงข้ามจะชนะ เมื่อดูตามผลโพลของกศน. ที่สำรวจผ่านกลุ่มตัวอย่าง 5 หมื่นคน ให้เลือกเฉพาะเบอร์ที่มีลุ้นอันดับ 1-6

ปรากฎว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” คะแนนสูสีได้ 30% ขึ้นไปทั้งคู่ ส่วน “สุชัชชวีร สุวรรณสวัสดิ์” พรรคประชาธิปัตย์ มีฐานที่ 4 แสนขึ้น พยายามเร่งเครื่องให้ได้ 7-9 แสนคะแนนถึงเก็บชัยชนะได้ ต่างกับ “วิโรจน์ ลักขณาดิศร” ผลสำรวจของพรรคก้าวไกลคะแนนนิยมพุ่ง ชนิดมีลุ้นเบียดตัวเต็งหนึ่ง

ผลโพล กศน. สอดรับกับอัตราต่อรองโต๊ะบอลที่เปิดให้แทง เต็งหนึ่ง เปิดแทง “ได้คะแนนถึง 8 แสน ไม่ถึง 9 แสนคะแนน” เสมอ

เต็งสอง เปิดแทง “ได้คะแนนถึง 5 แสน ไม่ถึง 6 แสนคะแนน” เสมอ

เต็งหนึ่งต่อเต็งสอง “1.5 แสนคะแนน” เสมอ

เต็งหนึ่งต่อเต็งสามคนแรกและเต็งสามคนที่สอง “3 แสนคะแนน” เสมอ

เต็งสองต่อเต็งสามคนแรกและเต็งสามคนที่สอง “1 แสนคะแนน” เสมอ

เต็งสามคนแรก กับเต็งสามคนที่สอง ใครต่อ 5-4 รอง

เต็งสี่ เต็งห้า เต็งหก สามคนรวมคะแนน สู้กับ เต็งสามคนแรก หรือสู้กับเต็งสามคนที่สอง เสมอ

ปล.เปิดแทงไม้ละ 5 หมื่นบาท

รับรองเงินใต้ดินสะพัดชัวร์และสุดท้ายใครวิ่งเข้าเส้นชัย…ชาว กทม.เป็นผู้ชี้ชะตา 22 พ.ค 65

……………………………….

คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก

โดย #ราษฎรเต็มขั้น