ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เปิดฉากตั้งแต่วันที่ 19-22 ก.ค.65 และลงมติ 23 ก.ค.65
ครั้งนี้เครือข่ายเสียงประชาชนเปิดโหวตลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตั้งแต่นายกฯ และรัฐมนตรี 11 คนทางออนไลน์ ผ่านคิวอาร์โค้ด เริ่มลงมติ 22 ก.ค.เวลา 18.00 น. ปิดการลงมติ 23 ก.ค. เวลา 11.00 น. เวลาเดียวกับที่การปิดลงมติของสภาผู้แทนราษฎร แล้วประมวลผลเปิดต่อสาธารณะทันที
นับเป็น นวัตกรรมดิจิทัลพัฒนาประชาธิปไตย ที่กลุ่มนักวิชาการ 4 มหาวิทยาลัย “ธรรมศาสตร์-นิด้า-มศว.-รังสิต” จับมือ 4 สถานีโทรรทัศน์ดิจิทัล “ไทยรัฐทีวี-พีพีทีวี-เนชั่น-เวิร์คพ้อยท์” ผนึกพลังองค์กรภาคประชาชน 30 ปี พฤษภาประชาธรรม
ผลโหวตจะออกมาอย่างไร เชื่อว่าเครื่องมือนี้จะพัฒนาการเมืองให้ดีขึ้น เตรียมตัวโหวตกันได้เต็มที่ ดูการซักฟอกของฝ่ายค้านครั้งนี้ ต้องยอมรับเตรียมตัวมาดี ชำแหละได้ตรงเป้า รัฐมนตรีบางคนถามช้าง-ตอบม้า
วันแรก “อนุทิน ชาญวีรกูล” รมว.สาธารณสุข แม่ทัพสายเขียว ถูกถล่มหนักนโยบายเสรีกัญชามีผลกระทบต่อสังคม “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เจองานงอก ถูกกล่าวหาใช้นอมินี ถือหุ้นบริษัทประมูลงานกระทรวงคมนาคม
วันที่สองสะท้านไปทั้งสภาต้องยกให้ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดีอีเอส เผชิญ “วิบากกรรมต่อจริยธรรมอักเสบ” ตั้ง “บัดดี้” เพื่อนสนิทสมัยชั้นมัธยมต้นมาช่วยงาน แถมเจอข้อหาเอื้อผลประโยชน์งบประชาสัมพันธ์ให้พวกพ้อง
ที่เรียกเสียงฮาและรอยยิ้ม ยกให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ที่ชี้แจงฝ่ายค้านกระชับตรงเป้า “เรื่องของการปฏิวัติ ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง นี่ครับ คนนี้ ท่านนายกฯ ประยุทธ์คนเดียวเลย”
แล้วก็ถึงคิวฝ่ายค้านเริ่มเผาหัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ฝ่ายค้านเตรียม 30 ขุนพลขยี้ถึง 2 วันครึ่ง หนึ่งในนั้นแฉถึง..การแก้ปัญหาพลังงานล้มเหลว
วันนี้มีเสียงร้องจ๊าก!!!…ประชาชนอุทานเสียงหลง เมื่อค่าไฟตั้งแท่นขยับขึ้นอย่างน้อย 25% จาก 4 บาทต่อหน่วยเป็น 5 บาทต่อหน่วย
ค่าไฟแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย สร้างภาระหนักอึ้งให้ชาวบ้านชาวช่องที่เผชิญกับค่าครองชีพสูงลิ่ว
ต้นเหตุค่าไฟฟ้าแพงมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ อาทิ เราผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการสูงกว่า 50%
ทำให้ต้องจ่ายค่าความพร้อมให้โรงผลิตไฟฟ้าที่สร้างเสร็จ แต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้า ซึ่งค่าความพร้อมตัวนี้รวมเนียนๆอยู่ในค่าเอฟทีบนบิลค่าไฟทุกครัวเรือนของทุก ๆ เดือน
นั่นคือต้นทุนที่ทุกครัวเรือนถูกยัดเยียดให้จ่าย คราวนี้ค่าเอฟทีขยับพรวดเดียว 1 บาท
สะท้อนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิรูปพลังงานของล้มเหลว ไม่ปฏิบัติตามแผนการปฏิรูปโดยเสริมความมั่นคงทางพลังงาน เน้น “พลังงานทางเลือก”
ภายใต้ต้องบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และต้องมีธรรมมาภิบาลในธุรกิจพลังงาน
สร้างความสมดุลระหว่างการใช้ภายในประเทศและการผลิตไฟฟ้า
สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนได้เสียและลดความขัดแย้งในสังคม
แต่ “สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์” รมว.พลังงาน ทำได้เพียงแจงให้สังคมทราบว่าต้นเหตุไฟฟ้าแพง เกิดจาก “ก๊าชนำเข้าราคาพุ่ง 4 เท่าตัว-ค่าเงินบาทอ่อน” เท่านั้น
ว้าเหว่ประเทศไทยที่ได้รับคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน อยากให้ฟังเสียงสะท้อนจากบริษัทพลังงานรายอื่นที่ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลบ้าง
รวมถึงบริษัทจากต่างประเทศที่มีเทคนิคและเทคโนโลยีดี อุปกรณ์คงทน 25 ปีขึ้นไป ประมูลงานได้ จนถึงบัดนี้หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจยังไม่อนุมัติออกหนังสื่อแจ้งดำเนินการ
ทั้งที่ประมูลได้งานไปแล้ว ครม.อนุมัติไปเมื่อกลางปี 65 เพื่อเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนโรงไฟฟ้าเก่าที่ถูกปลดระวาง
โดยต้นทุนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 0.80-1.50 บาทต่อหน่วยเท่านั้น ต่างกับต้นทุนที่เอกชนผลิตอยู่ที่ 2.50-2.80 ต่อหน่วย หากซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวต้นทุนอยู่ที่ 2.80 บาทต่อหน่วย
ต่างโดยสิ้นเชิงกับค่าไฟฟ้าในประเทศเวียดนามประชาชนจ่ายแค่ 2.50 บาทต่อหน่วย
คำถามคือ ทำไมผู้มีอำนาจมีผลประโยชน์อะไรกับบริษัทเอกชนบางบริษัท ที่กฟผ.รับซื้อไฟฟ้ามาขายต่อให้ประชาชนหรือไม่ ถึงปล่อยให้บางบริษัทเอาเปรียบรัฐ แก๊สที่ใช้ผลิตไฟฟ้าก็ป้อนให้ โดยเอกชนบางแห่งไม่มีความเสี่ยง แล้วรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนในราคาแพง
เอกชนได้ทั้งกล่องและก้อนเค้กแห่งผลประโยชน์ แต่ประชาชนชาวไทยแบกรับภาระหลังอาน
โดยที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ไม่สะทกสะท้าน และบริษัทเอกชนที่เป็นหุ้นส่วนรัฐบาล ถูกกล่าวหาว่ากินรวบทุกอย่างในประเทศไทย ระวังเจอเช็คบิลย้อนหลังเอาได้
พวกคุณมั่งคั่งบนการรีดเลือดกับประชาชน
……………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย…#ราษฎรเต็มขั้น
