“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” จะเรียกว่านักการเมืองหน้าใหม่ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะเขาเป็นมือกฎหมายอันดับต้นของประเทศ และคร่ำหวอดอยู่ในวงการเมืองมากว่า 30 ปี วันนี้ประกาศลงการเมืองจริงจังในฐานะ “หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ” จึงเป็นที่น่าจับตามองก้าวย่างจะเป็นอย่างไร
หลังจากประกาศตัวในฐานะหัวหน้าพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” พรรคการเมืองใหม่ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ได้เดินหน้าลุยงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการออกมารับเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ทราบข่าวว่าหลายเรื่องเดือดร้อนถูกคลี่คลายลงเมื่อเจ้าตัวลงมาทำงานด้วยตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ทันทีที่ได้รับมอบหมายจาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลเรื่องร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์รับร้องเรียนของรัฐบาล 1111 “พีระพันธุ์” ก็ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานในทันทีเช่นกัน ในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ทำให้การช่วยเหลือประชาชนคลี่คลายไปแล้วหลายเคส แม้จะยังมีเรื่องร้องเรียนค้างอยู่อีกจำนวนมากก็ตาม แต่ก็ยืนยันว่าจะพยายามแก้ไขให้ได้มากที่สุด โดยให้เหตุผลว่า…
“เพราะความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเท่ากันหมด เหมือนเราเมื่อมีความทุกข์แล้วแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ ก็อยากให้มีใครเข้ามาช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย”
“พีระพันธุ์” ยังบอกด้วยว่า การทำงานแบบถึงลูกถึงคน พบปะผู้เดือดร้อนด้วยตัวเองนั้น เป็นสไตล์การทำงานตามบุคลิกของตนเอง ไม่ใช่สักแค่เพียงการแก้ปัญหาให้จบๆ ไป การทำงานแบบนี้…นอกจากจะช่วยให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ ว่าเรื่องร้องเรียนของพวกเขา ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใส่ใจ ดำเนินการให้จริงจังแล้ว ยังทำให้ตนสามารถรับรู้และเข้าใจปัญหาได้โดยตรง สามารถแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง ที่สำคัญคือสามารถนำข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ได้รับ มากำหนดเป็นนโยบายได้ต่อไป
นอกจากนี้ในฐานะ “หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ประกาศแนวนโยบายการทำงาน ว่ามีเป้าหมายหลักคือการ “แก้กฎหมายที่ไม่ชัดเจนจนสร้างความไม่เป็นธรรมและเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตของประชาชน” แล้ว “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ยังลุยทำงานต่อเนื่อง โดยไม่สนกระแสข่าวการเมืองต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในตอนนี้ และยังลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนหลากหลายกลุ่ม พร้อมหาทางช่วยแก้ความเดือดร้อนจากเรื่องร้องเรียน โดยมีสมาชิกพรรคที่มีแนวความคิดเดียวกันคอยสนับสนุนและช่วยประสานงานอย่างเต็มที่
หากจะถามถึงปัญหาที่มองเห็นตลอดระยะเวลาที่ทำงานให้กับบ้านเมืองมากกว่า 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น “พีระพันธุ์” บอกว่า ส่วนใหญ่ปัญหาอุปสรรคของทุกเรื่องโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจมาจากกฎหมายที่ไม่ทันยุคทันสมัย ที่สำคัญคือ เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อความสะดวกแก่ภาครัฐและเพื่อการควบคุมประชาชนไปทุกเรื่อง
กฎหมายแบบนี้ใช้ไม่ได้แล้วในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาคเอกชนนำภาครัฐในการพัฒนาประเทศ ต้องรีบยกเลิก แก้ไข และออกกฎหมายใหม่ๆ แทนกฎหมายล่าสมัยเหล่านี้ทันที ประเทศที่เป็นตัวอย่างในการพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญอย่างรวดเร็วทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ฯลฯ ด้วยการแก้ไขกฎหมายแบบล้างบางเลย คือ ประเทศสิงคโปร์ ที่เริ่มต้นดำเนินการทันทีภายหลัง “ลี กวน ยู” นักกฎหมายหนุ่มก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อพ.ศ.2502 จนสามารถพลิกประเทศสิงคโปร์จากสลัมมาเป็นประเทศชั้นนำของโลกภายในเวลาไม่กี่สิบปีเท่านั้น
และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” วางนโยบายสำคัญของพรรคอยู่ที่ การเสนอแก้ไขสารพัดกฎหมายที่มีปัญหาและเตรียมการออกกฎหมายใหม่ๆ ให้กับคนไทย
“พีระพันธุ์” ย้้ำด้วยว่า “ทุกอย่างอยู่ที่กฎหมาย เพราะทุกประเทศในโลกต้องใช้กฎหมายในการบริหารและพัฒนาประเทศ กฎหมายคือเครื่องมือหรือโครงข่ายหลักทางสังคมที่จะทำให้ประเทศเจริญหรือไม่เจริญ เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ประชาชนจะทำมาหากินได้สะดวกหรือไม่อยู่ที่กฎหมายของบ้านเมืองนั้นจริงๆ ไม่ใช่ผมเป็นนักกฎหมายแล้วบ้ากฎหมาย แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่านักเศรษฐศาสตร์กี่คนหรือกี่ทีม จะคิดอะไรออกมา แต่ถ้ากฎหมายไม่เปิดช่องหรือเป็นอุปสรรค สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เราเลือกตั้งกี่ครั้งมีทีมเศรษฐกิจมาแล้วกี่ทีม สุดท้ายเหมือนเดิม ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะทีมเศรษฐกิจสักกี่ที มแต่กฎหมายเดิม ๆ หลักเกณฑ์เดิม ๆ ควบคุมประชาชนเหมือนเดิม แล้วจะพัฒนากันได้อย่างไร”
“ผมเชื่อว่าถ้าเราปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคหลายอย่าง จะทำให้สังคม และการประกอบกิจการต่างๆ ไปได้ดี สำคัญคือคนเขียนกฎหมายต้องเข้าใจปัญหา และต้องไม่เขียนกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือภาครัฐ แต่ต้องเขียนเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง” เป็นเนื้อหาตอนหนึ่งที่ “พีระพันธุ์” เคยกล่าวไว้ในระหว่างการพบปะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ในการประชุมรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน”
เมื่อถามถึงสิ่งที่มองเห็นชัดเจนที่สุดจากการทำงานกับประชาชน “พีระพันธุ์” ตอบโดยไม่ลังเลว่า คือเรื่องปัญหาปากท้อง การทำมาหากิน และความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม นี่คือเศรษฐกิจที่แท้จริงของคนหมู่มาก ไม่ใช่เศรษฐกิจของเจ้าสัว หรือนักลงทุนขนาดใหญ่ที่มีไม่กี่ราย แต่แปลกที่ผ่านมาการแก้ไขกลับไปไม่ถูกจุด เพราะหลายครั้งเมื่อพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นักวิชาการเศรษฐศาสตร์มักจะไปพูดถึงเรื่อง “ทีมเศรษฐกิจ” ที่ดูเหมือนจะใหญ่เกินจะแก้ปัญหาที่แท้จริงที่คนไทยเผชิญอยู่ทุกวัน เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่คนไทยต้องการ คือโอกาสในการแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตและการทำมาหากินในแต่ละวันที่เท่าเทียมกับนักลงทุนหรือนักธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้น ทำไมนักธุรกิจใหญ่ประสบปัญหามีกฎหมายเอื้อประโยชน์ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้สารพัด แต่พอเป็นธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจส่วนตัว ชาวบ้านครธรรมดา ๆ หนทางช่างยากลำบาก “นี่คือความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมทางกฎหมาย”
“หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ” อธิบายต่อว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านทั่วไปที่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำมาหากิน หรือการดำรงชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ไม่ชัดเจนและไม่เป็นธรรมแล้ว ยังมีชาวบ้านคนธรรมดาที่พยายามก่อร่างสร้างตัว สร้างกิจการ สร้างธุรกิจ แต่เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งจากการทำธุรกิจและการไม่ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะไม่มีกฎหมายเอื้อให้ชาวบ้านคนธรรมดาเหล่านี้เลย แหล่งเงินทุนก็หายาก กู้ก็ดอกเบี้ยแพงกว่าธุรกิจใหญ่ๆ มีปัญหาธุรกิจก็ไม่มีกฎหมายให้ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้เหมือนธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ละคนต้องต่อสู้ปากกัดตีนถีบดิ้นรนกันเอง ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านคนธรรมดาเหล่านนี้มีจำนวนมากกว่าและเป็นฐานทางเศรษฐกิจที่มีจำนวนมากกว่ากิจการใหญ่ ๆ ด้วยซ้ำ
“ปัญหาของคนไทยที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็มาจากกฎหมายที่มีปัญหาจนสร้างความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ความรู้สึกว่าถูกรังแก ถูกปิดกั้นโอกาส ถ้าเราแก้ไขให้ตรงจุด ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งในแง่เศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางสังคม ทำให้สังคมหันมาใส่ใจกันละกัน คนมีโอกาสสูงช่วยเหลือคนที่มีโอกาสน้อยกว่า ปัญหาเหล่านี้จบไปไม่ใช่แต่เพียงแก้ปัญหาในเรื่องของการดำรงชีวิตของชาวบ้าน แต่เป็นปัญหาความแตกสามัคคีความไม่ปรองดองได้ด้วย ถ้าทำความถูกต้อง ความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นมาได้สิ่งเหล่านี้ก็จะหมดไปด้วย”
และทั้งหมดคือจุดยืนเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอด 30 ปีบนเส้นทางการเมืองของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่หลายคนยกย่องให้เป็น “มือกฎหมายระดับเทพของประเทศ” ด้วยผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนไทยมาแล้วนับไม่ถ้วน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทยที่ต้องการมองเห็นสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น ตามแนวทางการทำงานของพรรคการเมืองใหม่ที่กำลังเนื้อหอมอยู่ในขณะนี้นั่นเอง