วันอาทิตย์, มีนาคม 23, 2025
หน้าแรกEXCLUSIVE“ปลาหมอคางดำ”..เกษตรกร“คางเหลือง” ถึงวันนี้!ยัง“จับมือใครดม”ไม่ได้?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ปลาหมอคางดำ”..เกษตรกร“คางเหลือง” ถึงวันนี้!ยัง“จับมือใครดม”ไม่ได้?

ต้องชี้แจงกันยกใหญ่ กรณีที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุม “ม็อบปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด” ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งช่วยเกษตรกร

ปรากฎว่า นายกฯส่งตัวแทนไปรับข้อร้องเรียน และต่อมามีภาพนายกรัฐมนตรีพาลูกๆ วิ่งเล่นหน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีไม่สนใจกลุ่มผู้ชุมนุม

ต่อมา จึงมีการชี้แจงว่า ประเด็นกลุ่มผู้ชุมนุม “ม็อบปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด” ได้มีการพูดคุยและได้สั่งการกรมประมงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ในส่วนของประเด็นเรื่องของการพาลูกๆ วิ่งเล่นนั้น นายกฯ บอกว่า เมื่อมีโอกาสใกล้ชิดกับลูก ก็จะพาลูกๆ วิ่งเล่น ไม่ได้เป็นการรบกวนการทำงานแต่อย่างใด เพราะว่าบางวันมีตารางงานที่แน่น ก็จะไม่ได้เจอกับลูกๆ คิดว่าในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นเหมือนกับพ่อแม่ที่ทำงานทั่วๆ ไป เมื่อมีโอกาสใกล้ชิดกับลูกก็จะใช้เวลาดังกล่าวกับลูกๆ ซึ่งในส่วนนี้ ก็ต้องเข้าใจการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่ทำงาน เพราะอย่างไรก็ตามการจัดสรรเวลาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่ได้แปลว่าทำอย่างหนึ่ง แล้วจะไม่สามารถทำอีกอย่างหนึ่งได้

ย้อนไปก่อนหน้านั้น ช่วงเวลา 11.00 น. วันที่ 18 มี.ค.68 เครือข่ายประชาชน 19 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ นัดรวมตัวกันบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง 4 ข้อ

“ปัญญา โตกทอง” เกษตรกรทำวังกุ้ง จ.สมุทรสงคราม ระบุว่า เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยต้องการให้นายกรัฐมนตรี ออกมาเป็นผู้รับเรื่องเพียงคนเดียว

หากถึงเวลา 14.00 น. ยังไม่ได้พบนายกฯ จะมีการเทปลาหมอคางดำที่หน้าทำเนียบฯ 2 ตัน เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าเอาปลาหมอคางดำมาคืน รวมถึงจะมีการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งด้วย หากครั้งนี้ไม่มีการตอบรับใดๆ จากรัฐบาล เครือข่ายจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมปลาหมอคางดำ 19 ตัน

ต่อมา ฟากฝั่งรัฐบาล นำโดย “สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกฯ พร้อมด้วย “บัญชา สุขแก้ว” อธิบดีกรมประมง เป็นตัวแทนนายกฯมารับหนังสือแทน แต่ผู้ชุมนุมไม่พอใจ จึงได้ทำการเทปลาหมอคางดำ พร้อมทำพิธีเผาพริกเผาเกลือ

ขณะเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.พรรคประชาชน เดินทางมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุม พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อ ตำหนิรัฐบาลอย่างรุนแรง ที่ไม่สนใจแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรประมงผู้เดือดร้อน โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี “ไม่รู้สี่ รู้แปด” กับเรื่องที่เกิดขึ้น

ปัญหาปลาหมอคางดำ นอกจากจะเป็นประเด็นสิ่งแวดล้อม การละเมิดมนุษยชนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาโดยตรงแล้ว ถึงวันนี้น่าสนใจว่า ยังจับมือใครดมไม่ได้ แม้กระทั่ง เอกชนเจ้าใหญ่ ที่เป็นผู้นำเข้าปลาหมอคางดำเข้ามาจากประเทศกานา

ถึงวันนี้ มีการดำเนินการตรวจดีเอ็นเอ ปลาหมอคางดำที่กลายพันธุ์ แพร่พันธุ์ได้เร็วขึ้นในประเทศไทย มีการยืนยันชัดเจนว่า ดีเอ็นเอของพวกมัน ใกล้ชิดกับปลาหมอคางดำจากกานา ที่กรมประมงมีการเก็บตัวอย่างเอาไว้

ส่วนมาตการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำ ที่ภาครัฐจับมือกับเอกชนดำเนินการ ก็เหมือนจะไม่ได้ผล เพราะทุกวันนี้ พบว่าปลาหมอคางดำ แพร่ระบาดลงทะเลฝั่งอ่าวไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดไปโผล่ฝั่งทะเลแสมสาร ชลบุรี

ส่วนสำนักงานเขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นเขตที่พบการแพร่ระบาดมากที่สุด ได้จัดกิจกรรม นำปลาหมอคางดำมาใช้ประโยชน์ โดยนำส่งโรงงานปลาป่น จำนวน 34 ตัน แปรรูป ทำปลาเค็มแดดเดียว 880 กิโลกรัม แปรรูปทำปลาร้า 355 กิโลกรัม และแปรรูปทำน้ำพริก 983 กิโลกรัม

นอกจากนี้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด โดยโรงงานปลาป่น ได้มีการรับซื้อปลาหมอคางดำจากเกษตรกร ในราคากิโลกรัมละ 15 บาท จำนวนทั้งสิ้น 482,006 กิโลกรัม หรือคิดเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท

แต่เมื่อไปดูตัวเลข การให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกร ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยกรุงเทพมหานคร ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ด้านประมง) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียนและเขตทุ่งครุ

พบเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับความเสียหาย จำนวน 779 ราย พื้นที่ 15,558.42 ไร่ จำนวน 2 เขต ได้แก่ เขตบางขุนเทียน และเขตทุ่งครุ ประมาณการมูลค่าความเสียหาย 43.9 ล้านบาท

มีการประกาศขยายระยะเวลาการเยียวยาครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2567 ถึง 6 กุมภาพันธ์ 2568 และได้มีการประกาศขยายระยะเวลาการเยียวยา ครั้งที่ 2 อีก 60 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 8 เมษายน 2568

สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมง 724 ราย ในเขตบางขุนเทียน 722 ราย และเขตทุ่งครุ 2 ราย เป็นเงิน 43.9 ล้านบาท จะได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบ

ส่วนของเกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมประมง 55 ราย แยกเป็นเขตบางขุนเทียน 53 ราย และเขตทุ่งครุ 2 ราย จะได้รับความช่วยเหลือจากงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2537 ได้แก่

เงินทุนประกอบอาชีพ ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท หรือ เงินสมทบจัดซื้อสัตว์เลี้ยงหรือพันธุ์พืชอื่นๆ รวมถึงปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช

ในกรณีที่ผู้ประสบสาธารณภัย มีอาชีพในการทำเกษตรกรรมหรือเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพ ไม่เกิน 11,400 บาท ต่อหนึ่งครอบครัว

ตัวเลขดังกล่าว เป็นเพียงความเสียหายในพื้นที่ 2 เขตที่พบการระบาดหนักในกรุงเทพมหานครเท่านั้น และหากรัฐบาลจะแก้ปัญหาปลาหมอคางดำทั้งระบบ รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ คาดว่าต้องใช้งบประมาณนับ 10,000 ล้านบาท

หลังจากนี้อีกไม่นาน คาดว่าจะมีการพิจารณาคดีแบบกลุ่ม กรณีผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ จ.สมุทรสงคราม รวมตัวกันยื่นฟ้องเอกชน เป็นเงินกว่า 2,400 ล้านบาท ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ไปเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยกล่าวหาว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการประกอบอาชีพของเกษตรกร

และหลังจากนี้ อีกไม่นาน คงได้รู้กันว่า ปลาหมอคางดำ ที่ทำเกษตรกรและรัฐบาลคางเหลือง จะจับมือใครดมได้หรือไม่

……………..

รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img