กลายเป็นเรื่องใหญ่ในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อในกลุ่มทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ มีการลากไส้ “พ่อค้าไก่หมุนคนหนึ่ง” ที่แฝงตัวเป็ นทนายความโฟโต้ช็อป และรับว่าความมานานหลายปี บางคดีชนะด้วยซ้ำไป ออกมาเตือนภัยประชาชน
คดีนี้ ต้องท้าวความกันไปนิดนึงก่อน ว่าเรื่องมันแดงขึ้นมา โดย “ทนายประพจน์ วงศ์ก่อเกื้อ” ผู้ก่อตั้งเพจ ทนายอาสา ได้โพสต์แฉพฤติกรรมของ “พรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์” ที่แอบอ้างตัวเป็นทนายความ แล้วไปทิ้งคดี ปลอมคำพิพากษา จนทำให้ลูกความเสียหาย เลยเก็บข้อมูลขุดคุ้ยมากว่า 1 ปี ก่อนนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผย
พบว่า ตัวละครหลักในเรื่องนี้ก็คือ “พรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์” อายุประมาณ 33 ปี เขาแอบอ้างสวมรอยเลขใบอนุญาตให้เป็นทนายความของทนายความหญิงท่านหนึ่ง แล้วนำไปใช้เปิดสำนักงานในจังหวัดกำแพงเพชร รับว่าความคดีหลายต่อหลายคดี
เมื่อตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้ต้องหารายนี้ จะเห็นภาพสำนักงานเขียนแอบอ้างไว้ชัดเจน ว่าจบเนติบัณฑิตมา โดยรับว่าความทั่วราชอาณาจักร โดยชื่อในเฟซบุ๊กของผู้ต้องหา จะสังเกตเห็นคำว่า สะกดคำว่า ลอว์เยอร์ ที่แปลว่าทนายความผิด โดยใช้ตัววาย แทนตัวแอล (อ่านว่า ยอเย่อ) เลยน่าสงสัยเหมือนกัน ว่าผู้ต้องหารายนี้ สำเร็จการศึกษาระดับชั้นไหน ก่อนมาสวมรอยเป็นทนายความ
แฉเป็น “พ่อค้าไก่หมุน”-ถูกรุมยำทวงรถกระบะ
ทนายประพจน์ บอกว่า ประวัตินายพรเทพคนนี้ จริงๆ แล้วมีอาชีพเป็นพ่อค้าไก่หมุน ขายอยู่ที่ตลาดไทรงาม กำแพงเพชร ในช่วงปี 2561 เคยถูกคนร้าย 5 คนขับรถประกบปาดหน้า บนถนนหลวงสาย 1280 ในพื้นที่ตำบลพานทอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร
จากนั้น คนร้ายได้รุมทำร้ายนายพรเทพ แล้วชิงรถกระบะมิตซูบิชิที่บรรทุกอุปกรณ์ขายไก่หมุนไป มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.ไทรงาม (คดีนี้ลักษณะคล้ายๆ ไฟแนนซ์ส่งคนมายึดรถ) ในส่วนของคดีมีการแจ้งความ จับตัวผู้ต้องหาที่กระทำผิดกันไป แต่ความผิดของนายพรเทพ หลังจากนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทนายประพจน์ แฉพฤติกรรมของนายพรเทพ ต่อไปว่า หลังจากปลอมบัตรทนายความ แอบอ้างเหยื่อรับคดี ยังเหิมเกริมถึงขั้นไปขึ้นว่าความในศาลด้วย ล่าสุดไม่นานมานี้ ยังเพิ่งว่าความชนะมาเอง สุดท้ายแล้ว ตอนนี้นายพรเทพถูกตำรวจจับกุมในข้อหาปลอมคำพิพากษาศาล ที่จังหวัดกำแพงเพชร และคดีอื่นๆ คงทยอยตามมาอีกหลายคดี
แฉยับปลอมรายชื่อองค์คณะผู้พิพากษาผิดจังหวัด
ต่อมา ได้มีทนายความคนหนึ่ง มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเฟซบุ๊กกลุ่มทนายอาสา ว่า ได้ไปงานที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร และมีชาวบ้านเดินมาสอบถามว่า จะตามหมายบังคับคดีเรื่องนึง จะต้องติดต่อที่ไหน พอทนายท่านนี้ ได้อ่านคำพิพากษาถึงอึ้งไปเลย
เพราะคำพิพากษาของศาลกำแพงเพชร แต่องค์คณะที่มีชื่อ คือองค์คณะของศาลจังหวัดพิษณุโลก เลยบอกชาวบ้านว่าเป็นคำพิพากษาปลอม และทราบว่าถูกเรียกค่าทนายไป 30,000 บาท ทั้งที่ทุนทรัพย์ไม่ถึง 2 แสน
สภาทนายความส่งตัวแทนแจ้งจับทนายไก่หมุน
ขณะที่ทางสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฎชื่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว ว่าเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมและทดสอบวิชาว่าความจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ และไม่ได้จดทะเบียนรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่อย่างไร
ส่วนเลขหมายใบอนุญาตให้เป็นทนายความที่ทำการปลอมแปลงนั้น ก็เป็นของทนายความท่านอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้ปลอมแปลงใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่ประการใด การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528
สภาทนายความในพระบรมราชปถัมภ์ โดย “ดร.วิเชียร ชุบไฮสง” นายกสภาทนายความ จะได้ทำการมอบอำนาจให้นายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวโดยเด็ดขาดในทันที
“จากประสบการณ์ครั้งนี้ถือว่ารุนแรง เป็นการกระทำที่อุกอาจและร้ายแรงมาก ส่วนผลของคำพิพากษาบางคดีทราบว่าศาลได้พิพากษาไปแล้ว บางคดีถึงที่สุด ซึ่งตรงนี้ถือเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะพิจารณาต่อไปแบบไหนอย่างไร ส่วนคดีที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณา ศาลสามารถเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผ่านมาได้ เพราะถือว่าเป็นกระบวนพิจารณามิชอบ โดยจะให้เริ่มแต่งตั้งทนายความที่แท้จริงเข้ามาใหม่’”
“ทนายเดชา” แนะขั้นตอนตรวจสอบตั๋วทนาย
ด้าน “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มิจฉาชีพยุค 5 จี นี่น่ากลัวมาก ปลอมคำพิพากษา ปลอมใบแต่งทนาย ถือว่ากระทำผิดตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนความผิดอื่นๆ ที่ปรากฎเช่น ฐานละเมิดอำนาจศาล รวมทั้งปลอมและใช้เอกสารปลอม ก็มีโทษอีกหลายกระทงที่รอตามมา พร้อมเตือนให้ประชาชนระมัดระวังทนายปลอม ด้วยการไปตรวจสอบข้อมูลที่สภาทนายความได้ ไม่ยุ่งยาก แค่แจ้งชื่อ นามสกุล หรือเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
โฆษกศาลแจงเอาผิดอาญา รวมทั้งละเมิดอำนาจศาล
ขณะที่ “สรวิศ ลิมปรังษี” โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีคนแอบอ้างเป็นทนายความ ทั้งที่ไม่มีชื่อในทะเบียนทนายความเข้ามาว่าความคดีในศาลจังหวัดกำแพงเพชรว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีกี่คดี อยู่ที่ไหน เป็นคดีความอย่างไร
เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนั้นๆ ที่จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป อาทิ นำคดีที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาตรวจสำนวนคดีใหม่ หรือพักการพิจารณาที่อยู่ระหว่างไต่สวนสืบพยานไปก่อน ก็อยู่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
ล่าสุดศาลจังหวัดกำแพงเพชร ได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้ว เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา แต่ในส่วนของศาลหากพบว่ามีความผิด จะมีการไต่สวนละเมิดอำนาจศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต่อไป
โดยหลังจากนี้ ศาลยุติธรรมจะได้ประสานกับทางสภาทนายความฯ เพื่อในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อโดยตรง เพื่อตรวจสอบข้อมูลของทนายความให้เกิดความถูกต้อง หลังจากนี้จะได้หารือร่วมกันเรื่องระบบต่อไป
ห่วงกระทบคดีอาญา ยกฟ้องจำเลยเสียประโยชน์
แหล่งข่าวระดับสูง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คดีลักษณะนี้ เท่าที่ศาลเคยตรวจพบ จะเป็นเรื่องทนายปลอม หรือขาดต่อใบอนุญาตบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะพบก่อนคดีถึงที่สุด แต่ยังไม่เคยได้ยินว่า ตรวจสอบพบเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
แหล่งข่าวให้ความเห็นส่วนตัวว่า สำหรับการจะรื้อคดี หรือขอพิจารณาใหม่ได้ ต้องมีกฎหมายรองรับด้วย ถ้าไม่มีกฎหมายรองรับก็ทำอะไรไม่ได้ และคงต้องดูเป็นเรื่องๆไป ยกตัวอย่างเช่น คดีอาญา แต่จำเลยรับสารภาพเอง หรือคดีแพ่ง แต่ตกลงยอมความกันไปแล้ว ตัวความก็รับทราบ แบบนี้ไม่มีใครเสียหาย เสียเปรียบ ศาลน่าจะไม่รื้อ
แต่คดีที่น่าคิดคือ คดีอาญาร้ายแรงที่ต้องตั้งทนายความให้ แต่กลับกลายเป็นทนายปลอม ต่อสู้แล้วแพ้คดี อาจถือว่าคดีนั้น จำเลยไม่มีทนายความ แบบนี้จำเลยเสียหายควรรื้อคดีหรือไม่
………………………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม