ลองย้อนคำพิพากษา “เสี่ยแป้ง” เขาเป็น “เหยื่อ” ถูกหลอกไปชิงตัวประกัน ตามที่กล่าวอ้าง หรือเป็น “หัวโจกขบวนการอาชญากร” ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ก่อเหตุชิงตัวประกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
คดีนี้ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแรก ตำรวจสืบสวนสังกัด “สืบภาค 8” แจ้งว่าถูกกลุ่มเสี่ยแป้งปล้นทรัพย์ แจ้งจับจำเลย 7 คน มีตำรวจ ทหาร อัยการรวมอยู่ด้วย แต่สุดท้ายฟ้องเสี่ยแป้ง และพ่อค้ายาเสพติด คือนายจรวด 2 คน
ขณะเดียวกัน ที่ปรึกษากฎหมายฝั่งเสี่ยแป้ง ก็แจ้งความจับเจ้าหน้าที่สืบภาค 8 รวม 3 นาย และสายลับอีก 1 คนเช่นกัน ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีการอุ้มตัว “จรวด” พ่อค้ายาเสพติดไปเรียกเอาเงินค่าไถ่เช่นกัน
คดีนี้ต้องบอกว่า ยิ่งกว่าในหนัง สำหรับพฤติกรรมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และฝ่ายผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
วันที่ 2 กรกฎาคม 2562 ตำรวจใช้รถกระบะ และรถเก๋ง บุกจับตัวนายจรวด หลังทราบว่า นำยาเสพติดเข้ามาจากเมียนมา 850 มัด ต่อมามีการนัดหมายให้นำยาเสพติดมาส่ง บนถนนสายเอเชียขาขึ้น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 หมู่ 7 ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
ปรากฎว่า ต่อมาได้มีกระบะ สีดำ 2 คัน รถตู้อัลพาร์ด 1 คัน จักรยานยนต์ 1 คัน ขี่รถมาปิดหัวท้ายรถของตำรวจ และคนร้ายที่ปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนสงคราม ปืนสั้น ปืนลูกซอง บังคับเจ้าหน้าที่ 4 รายลงจากรถ ให้นอนราบกับพื้น มือประสานท้ายทอย
ระหว่างนั้น “จรวด” แย่งปืนและยิงใส่ขาเจ้าหน้าที่ในรถคนหนึ่ง ก่อนหลบหนี คนร้ายยังชิงปืนตำรวจในรถ 3 กระบอก และโทรศัพท์มือถือไปด้วย
ที่ปรึกษากฎหมาย พร้อมญาตินายจรวด เข้าแจ้งความที่โรงพัก ว่านายจรวดถูกคนร้ายจับไปเป็นตัวประกัน และช่วยเหลือมาได้ พร้อมนำปืนลูกซองยาว มือถือของเจ้าหน้าที่ไปคืน และมีการแจ้งความเอาผิด เจ้าหน้าที่สืบภาค 8 รวม 3 นาย กับสายลับอีก 1 คน
ส่วนตำรวจเอง ได้แจ้งความเอาผิดกลุ่มคนร้าย ยืนยันว่าหัวโจกที่ชิงตัวประกัน คือ “เสี่ยแป้ง”
ถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านคงพอเห็นความระทึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น โดยพยานหลักฐานสำคัญ ที่ศาลรับฟัง นั่นคือ คำให้การในชั้นสอบสวนของดาบตำรวจและจ่าทหาร ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยเเป้งนั่นเอง
เนื่องจากคำให้การของทั้ง 2 คน มีความสอดคล้องกันอย่างยิ่ง ทั้งจุดวางแผนช่วย (หรือชิง) ตัวประกันคือนายจรวด ที่บ้านพักของอัยการ ก่อนจะพากันขับรถออกไปชิงตัวประกัน และพานายจรวดกลับมา มีหลักฐานการสืบสวนทางโทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องยืนยัน
แม้ “เสี่ยแป้ง” จำเลยจะอ้างว่า วันเกิดเหตุ นอนอยู่กับภรรยาและลูกน้องที่บ้านพัก มีกล้องวงจรปิดยืนยัน แต่ไม่สามารถนำมาพิสูจน์ในชั้นศาลได้ สุดท้ายศาลให้น้ำหนักคำให้การพยานหลักฐาน จากตำรวจและจ่าทหาร ที่อยู่ก๊วนเดียวกับเสี่ยแป้งในชั้นสอบสวน
มีการพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ที่มีมูลเหตุจูงใจ ชิงตัวนายจรวด เพราะเข้าใจว่าถูกเรียกค่าไถ่ หลักฐานต่างๆ ของจำเลยฟังไม่ขึ้น จำคุก 20 ปี 16 เดือน และศาลอุทธรณ์ภาค 9 จะมีนัดอ่านคำพิพากษา ในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ต่อไป
เปิดพิรุธขบวนการล้มคดี รีดเงิน-ฝังเเค้น “เสือแป้ง”
ถึงตอนนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่า สุดท้ายแล้ว มีความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีเสี่ยแป้งจริงหรือไม่ เพราะ ตำรวจได้กล่าวหา “ผู้ต้องหา” มีทั้ง ตำรวจ ทหาร อัยการ และบุคคลอื่นรวม 7 คน แต่สุดท้าย สั่งฟ้องแค่ 2 คน
- สำหรับคดีเสี่ยแป้งและพวก เป็นคดีปล้นทรัพย์ และทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส (ที่จรวด แย่งปืนยิงขาตำรวจ)
- ในชั้นสอบสวน ตำรวจมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 7 ราย
- เมื่อสำนวนไปถึงอัยการ คดีนี้สั่งไม่ฟ้องมาตลอด ตั้งแต่ระดับจังหวัด รองอธิบดีอัยการภาค กระทั่งถึงอธิบดี
- อธิบดีได้ตรวจสำนวน พบพิรุธ เนื่องจากตำรวจไม่ยอมชี้ตัว “เสี่ยแป้ง” ทั้งๆ ที่เคยชี้ภาพในชั้นสืบสวน จึงมีการสั่งตำรวจสอบสวนเพิ่ม
- ผลการสอบเพิ่ม พบว่าตำรวจที่ไม่ยอมชี้ตัวเสี่ยแป้ง มีประวัติเคยคุมตัวแป้งไปส่งโรงพักหนึ่งในคดีอื่น และอยู่ด้วยกันนานหลายชั่วโมง
- ทางอธิบดีจึงมีพิรุธสงสัย เมื่อชี้ภาพถ่ายในชั้น “สืบสวน” แล้ว เหตุใดในชั้น “สอบสวน” จึงไม่ชี้ตัวผู้ต้องหา จะอ้างว่าจำไม่ได้ น่าจะฟังไม่ขึ้น
- สำหรับคดีนี้ ตำรวจสืบภาค 8 ก็ถูกดำเนินคดี เนื่องจากไปอุ้มผู้อื่นมา คดีอยู่ระหว่างรอฟ้องศาลคดีทุจริตฯ
-สุดท้ายศาลลงโทษ 2 คน ตามที่อธิบดีอัยการฟ้องไป แต่นายจรวดได้ประกันระหว่างอุทธรณ์
-ในขณะที่เสี่ยแป้งไม่ได้ประกันตัว ก็เลยแหกคุก อ้างว่าต้องการออกมาแฉความจริง ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีจริง
ดังนั้น ถึงตอนนี้ อาจเห็นพิรุธบางอย่าง ว่าอาจมีการทำข้อตกลงใดเกิดขึ้นในการดำเนินคดีขบวนการค้ายาเสพติด คือ นายจรวด หรือไม่ แต่เชื่อว่าคดีนี้ อาจมีการ “ผิดคิว” ที่ “เสี่ยแป้ง” และ “จรวด” ถูกอัยการสั่งฟ้อง 2 คน นำไปสู่การแหกคุกหนีดังกล่าว
แต่สุดท้าย หาก “เสี่ยแป้ง” ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ก็ต้องยิ่งมีความจำเป็น ที่ต้องเข้ามอบตัว ให้การกับเจ้าหน้าที่ ว่ามีการวางแผนชิงตัวประกัน ที่บ้านของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมท่านหนึ่ง…จริงหรือไม่ / รวมทั้งมีการเรียกเงินเรียกทองช่วยทำคดีจากใครหรือไม่
เพราะคำให้การตามที่ “เสี่ยแป้ง” กล่าวอ้าง…จะได้ถูกตรวจสอบ และหากพบเป็นหลักฐานใหม่ ก็อาจมีการรื้อคดี เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเขาได้ส่วนหนึ่ง / ยกเว้นพฤติกรรมที่ใช้อาวุธสงคราม ชิงตัวประกันอย่างอุกอาจ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า การที่ “เสี่ยแป้ง” ไม่ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ เนื่องจากหลังเกิดคดีชิงตัวประกันกลางปี 2562 ช่วงปลายปี “เสี่ยแป้ง” เองก็ยังก่อคดีพยายามฆ่าตำรวจทางหลวง หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองพัทลุง
…………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม