ปกติแห่งเทศกาลตุษจีน บรรดาชาวจีนจะถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ เปลี่ยนศักราชใหม่ โชตชะตาจะเริ่มใหม่ ตามการเคลื่อนย้ายของดวงดาว นำพาเข้าสู่นักษัตรต่อไป ซึ่งปีนี้คือ ปีมะโรง “งูใหญ่” หรือตามปฏิทินจีนจะเป็น “นักษัตรมังกร” ธาตุไม้
“อ.โสรัจจะ นวลอยู่” เจ้าของฉายา “นอสตราดามุสเมืองไทย” ทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ในปีมังกร 2567 ว่า…พระราหูย้ายมาจากราศีเมษ เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ปีที่แล้ว มาเข้าราศีมีน เป็นภพวินาศตลอดทั้งปี … ดาวพฤหัสย้ายจากราศีเมษ ไปเข้าราศีพฤษภ จะเข้าทับดาวมฤตยูในวันที่ 30 เมษายน 2567 นี้ เป็นดาวสำคัญ…ดาวพระอังคาร ย้ายเข้าราศรึเมษ ใมวันที่ 2 มิถุนายน 2567 …ดาวศุกร์ ย้ายเข้าราศีตุลย์ ในวันที่ 21 กันยายน 2567 …. และดาวเกตุย้ายเข้าราศีตุลย์ในวันที่ 4 ธันวาคม 2567
“ทุกอย่างแลดูเห็น เรียบๆ เงียบๆ คนจะคาดไม่ถึง เดี๋ยวก็ผ่านไป แต่จริงๆ แล้ว ตามโหราศาสตร์ในปี 2567 จะเกิดความวุ่นวาย และเกิดเรื่องร้ายๆ หนักที่สุด และจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย”
เรื่องวุ่นๆ ในรัฐบาล จะเกิดการแตกแยกความคิด ประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำ อย่างที่ไม่เคยประสบมาในรอบ 100 ปี ให้ระวังปัญหาทางภาคใต้ ที่อาจเพิ่มความรุนแรง มีการใช้อาวุธมากกว่าที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ก่อการร้าย ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เรื่องราวบานปลายจากเล็กกลายเป็นใหญ่ ความจริงบางอย่างอาจเปิดเผยออกมา ทำให้กระทบกระทบเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การยั่วยุ เพื่อประสงค์ให้เกิดความแตกแตกภายในประเทศ จะผุดขึ้นในทุกเรื่อง ทั้งด้านการเมือง การปกครอง และศาสนา จะระดมโหมเข้ามาทดสอบความใจเย็น และละเอียดรอบครอบของผู้นำและรัฐบาลทั้งสิ้น
เศรษฐกิจของไทย จะยังไปไหนไม่ได้ ตราบใดที่การเมือง ยังไม่เรียบร้อย การถือพรรคพวกแบบหน้ามืดตามัว เอาแต่เรื่องของตนและของพรรคพวกตัวเอง ไม่ยอมรอมชอมกัน ก็ไม่อาจก้าวข้ามไปหาสิ่งใหม่ได้ บ้านเมืองไม่ใช่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกอย่างจะได้ทางออก เมื่อทุกคนลดละความเป็นตัวเองลงไปได้ … ฉะนั้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จะยังไม่สามารถแก้ไขได้ เหมือนกับเศรษฐกิจทั่วโลก ก็ยังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เนื่องจากขาดแคลนเชื้อเพลิง น้ำมัน ไปทั่วโลก ประชาชนคนไทยจะเดือดร้อนไปทุกย่อมหญ้า ยิ่งกว่าปีก่อน เป็นปีแห่งความตกต่ำทางเศรษฐกิจของไทย ที่ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน และหน่วยงานของรัฐ ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจฟื้นคืนมาได้ ตลาดหุ้นจะถูกกระทบอย่างรุนแรง จะเกิดการร่วงลงหนักตลอดทั้งปี จนอาจต้องปิดตัวเองลงของกิจการหลายอย่าง
ราวปลายปี “น้ำ” จะเป็นตัวแปรสำคัญ น้ำป่าเริ่มไหลบ่าจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ลงมาทางใต้ และเลยมาถึงกรุงเทพฯ กลายเป็นพื้นที่รับน้ำ จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และมีโอกาสท่วมมากกว่าปี 2554 จึงต้องเฝ้าระวังแหล่งกักเก็บน้ำ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่มีอยู่เป็นพิเศษ มีสิทธิ์ที่ปีนี้จะป้องกันไม่ไหว เพราะคนไม่เตรียมตัว เห็นว่าห่างจากปี 2554 มานาน และพอรู้ตัวก็จะหนักมาก จนเกินความสามารถคนทั่วไป แผ่นดินไหวก็จะเข้ามาซ้ำเติม เพราะดวงดาว เรื่องน้ำ ภัยพิบัติ แผ่นดิน สีนามิ จะมาคนละช่วง แต่จะต่อเนื่องกัน
การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ส่อให้เห็นในปี 2568 จากจุดเริ่มต้นปี 2567 จะเกิดการแบ่งฝ่ายชัดเจน ไทยจะถูกดึงให้เลือกข้าง ซึ่งไทยจะต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะเราหันไปเข้าฝ่ายไหน ก็จะดึงศึกเข้าบ้านทำให้เกิดการแตกแยก และเป็นทางผ่านให้ไปรบกับอีกฝ่าย เหมือนสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อไปจะเกิดการทะเลาะกันจริงๆ จนถึงจุดแตกหัก
ดวง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ยังมีโอกาสจะถูกปรับเปลี่ยนจากความเป็นผู้นำ เพราะยังอยู่ในช่วงดาวพฤหัสย้ายในวันที่ 30 เมษายน 2567 ไปเข้าราศีพฤษภ และไปทับมฤตยู ตรงนี้จะเป็นจุดเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทางการเมืองของบ้านเรา เพราะไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ หรือในสภาพอย่างนี้มาก่อน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ในช่วงหลังเดือนเมษายน หรือเดือนพฤษภาคม ถือว่าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก เนื่องมาจากอาจเกิดเหตุการณ์บางอย่าง มากระทบรัฐบาลอย่างจริงจัง ไม่ใช่เรื่องเดียวแต่เป็นหลายเรื่องมารวมกัน จึงทำให้บ้านเมืองชุลมุนวุ่นวาย นโยบายไม่เป็นไปตามที่เคยกล่าวไว้ หลายเรื่องยังทำไม่ได้
“การเมืองมีการผสมผสานกันใหม่ เปลี่ยนไปทั้งประเทศ เกิดเรื่องไม่คาดคิดในเรื่องการบริหาร มีการผิดพลาด เป็นดวงของบ้านเมือง ถึงคราวตกหน้าผา ชะตาบ้านเมืองทำให้เกิดอะไรเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง ใครมาเป็นก็ไม่ดี ต้องเกิดเรื่องจนได้ ใครมาเป็นผู้นำก็มีปัญหาทั้งนั้น ต้องยอมรับและหาทางแก้ ก็ยากเหมือนกัน เพราะเกิดทั่วโลกเป็นวงกว้าง ทั้งในเรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจ”