“อัยการ” ชี้ชัด “ป.ป.ช.” ไม่มีอำนาจดึงสำนวน “พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย” กับพวก ไปสอบสวนรวมกับคดี “บิ๊กโจ๊ก” เพราะคดีสอบสวนเสร็จส่งถึงอัยการเเล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา
การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 4:1 ให้ดำเนินการสอบสวนคดี “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” กับพวกรวม 5 คน และมีมติให้ดึงสำนวนคดีพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย กับพวกรวม 8 คน ที่อยู่ในการสอบสวนของตำรวจ กลับมาดำเนินการไต่สวนเอง เพื่อรวมให้เป็นสำนวนเดียวกันนั้น จากการสอบถาม อัยการท่านหนึ่ง บอกว่า ตามหลักกฎหมายไม่สามารถทำได้
อัยการรายนี้ อธิบายบอกว่า ป.ป.ช. อยู่ในฐานะเป็นพนักงานสอบสวน ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ป.ป.ช. อย่างเช่น คดีที่มีผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เเละตำรวจรับเรื่องไว้ ลงมือทำการสอบสวนแล้วเห็นว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. พนักงานสอบสวนของตำรวจ ต้องรีบส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ภายใน 60 วัน
เมื่อส่งคดีไปให้ ป.ป.ช./ ป.ป.ช.ก็ทำหน้าที่ต่อจากพนักงานสอบสวน ถ้าพิจารณาเห็นว่า คดีนั้นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนไปเยอะแล้ว ก็คืนให้พนักงานสอบสวนตำรวจเอากลับไปทำ ตรงนี้ก็เป็นอำนาจให้ ป.ป.ช. ตีคืนกลับไปได้ ก็เหมือนกับคดีของพ.ต.อ.ภาคภูมิ
ทีนี้ในส่วนที่จะมีการดำเนินคดีกับ “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ถ้า ป.ป.ช.รับเเจ้งเเล้วไม่คืน ก็แสดงว่า ป.ป.ช.รับไว้เป็นพนักงานสอบสวนเอง สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว กฎหมายบอกให้เสนออัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดี
ส่วนประเด็นที่ ป.ป.ช. มีมติเรียกคืนสำนวนคดีของพ.ต.อ.ภาคภูมิ กับพวกนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวน ได้ทำความเห็นส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตเเล้ว ป.ป.ช.จะดึงสำนวนกลับไม่ได้ เพราะคดีมันสอบสวนเสร็จแล้ว ป.ป.ช.จะดึงกลับเอาไปทำอะไร แต่ถ้าหากอยู่ระหว่างสอบสวนอยู่ จะเอาคืนได้หรือไม่ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น ทุกคดีที่พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นส่งอัยการแล้ว ป.ป.ช.จะเอาคืนไม่ได้ เพราะเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ป.ป.ช.ก็ไม่มีหน้าที่อะไร เพราะ ป.ป.ช. ก็เป็นเหมือนพนักงานสอบสวน รวมถึงสำนวนอื่นที่เกี่ยวพันในคดีที่ส่งไปสำนักงานอัยการคดีพิเศษด้วย
…………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม
