ภาพการไปออก“หมายเรียก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานความผิดสมคบฟอกเงิน โดยตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย
เนื่องจากที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือ “บิ๊กโจ๊ก” มักปรากฎตัวเป็นผู้แถลงข่าว ในคดีสำคัญน้อยใหญ่รายวัน อาทิ คดีกำนันนก คดีจับแพะที่สระแก้ว หลายๆ ครั้งมีการขู่คาดโทษเอาผิดเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
แต่มาครั้งนี้ สถานะของ “บิ๊กโจ๊ก” กลับตาลปัตร เพราะต้องกลายเป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” เสียเอง อันเป็นผลพวงจากคดี “มินนี่ 1-2” ที่มี “ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก” ไปถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับเว็บพนันรายใหญ่
“หมายเรียก” ที่พูดถึงครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากการจับกุมเว็บพนัน “บีเอ็นเค มาสเตอร์-BNK Master” ที่มีตำรวจ 3 นาย ยศ “พ.ต.อ.” และ “ส.ต.อ.” 2 นาย ส่วน “พลเรือน” 1 คน มีชื่อว่า “เสี่ยอู๊ด สงขลา”
ในครั้งแรก ชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปหารือกันศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับนายตำรวจใหญ่ที่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายศาลได้แนะนำให้ออกเป็นหมายเรียก มารับทราบข้อกล่าวหาแทน
นั่นจึงเป็นที่มา ของการนำ “หมายเรียก” ไปส่งที่บ้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เป็นครั้งแรก นัดหมายให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 มี.ค.
สำหรับ เส้นทางการเงินของเว็บพนัน BNK Master ที่ถูกส่งผ่าน “บัญชีม้า” มี “พ.ต.ท.” คนสนิทของบิ๊กตำรวจ ถือไว้ เพื่อใช้จ่ายส่วนตัว การทำบุญ และซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวกับการปราบทุจริต 5 คน เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่อำเภอหาดใหญ่ เพื่อช่วยเรื่องบัญชีทรัพย์สิน
เว็บฯพนัน BNK Master ถูกจับกุมเมื่อเดือนธ.ค.ปี 2566 ช่วงนั้น คนที่ถูกออกหมายจับ และเข้ามอบตัวกับตำรวจมี “พ.ต.ท.” คนสนิทกับบิ๊กตำรวจอยู่ด้วย และการมอบตัวครั้งนั้น มี “บัญชีม้าสาว” ที่พ.ต.ท.คนดังกล่าว เป็นคนถือบัญชีไว้ใช้ ไปมอบตัวพร้อมกันคือ “นางสาวเบญจมิน”
ส่วนคนที่เป็น “ผู้บริหารเว็บพนันนี้” คือ “นางสาวพิมพ์วิไล” หรือ “แหม่ม” แหล่งข่าวระบุว่า คนที่ถูกออกหมายจับ 4 คนล่าสุด ถูกกล่าวหามีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน BNK Master ต่างบทบาท-ต่างหน้าที่กัน
“นางสาวพิมพ์วิไล” ซึ่งถูกออกหมายจับตั้งแต่การจับกุมครั้งแรกเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ถือเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนัน และเป็นผู้บริหารเว็บฯ โดยมีพลเรือนที่ถูกออกหมายจับครั้งล่าสุดนี้ เป็นคนเก็บผลประโยชน์ส่งให้ตำรวจ
โดยจะให้ “นางสาวพิมพ์วิไล” โอนเงินเข้าบัญชีม้าที่ชื่อ “เบญจมิน” ซึ่ง “พ.ต.ท.คนสนิทของบิ๊กตำรวจ” ถือไว้ นี่จึงถือเป็นหลักฐานทางคดี ที่ชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจนครบาล แยกพิจาณาคดีดังกล่าวเป็นความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน
เนื่องจากมีการนำเงินในบัญชีม้า จ่ายทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าโทรศัพท์ กรมธรรม์ต่างๆ รวมทั้งโอนให้คนในครอบครัวนายตำรวจใหญ่ด้วย เส้นทางการเงินคดีดังกล่าว จึงแตกต่างจากมินนี่ 1-2 เพราะมาจากคนละสาแหรกกัน
ในความเคลื่อนไหวอีกฝากหนึ่ง ภายหลังจาก ป.ป.ช. มีมติรับคดีมินนี่ 2 ที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษนายตำรวจใหญ่ และลูกน้อง 4 คน มาทำการไต่สวนเองนั้น และยังมีมติ ที่จะเรียกสำนวน 8 ตำรวจลูกน้องคนสนิทของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคดีมินนี่ 1 กลับมาทำด้วย (คดีนี้ ฟ้องชุดแรก 14 คน)
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารในสำนักงานอัยการสูงสุด ได้หารือกันในประเด็นนี้ ว่า ป.ป.ช.มีสิทธิ์ที่จะดึงคดีที่อัยการสั่งฟ้องไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กลับไปทำเองได้หรือไม่
เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในจุดนี้ ผู้ถูกกล่าวหาก็จะยกประเด็นการสอบสวนโดยมิชอบทันที และข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาในขณะนี้ ก็จะ “แพ้ฟาล์ว” ไปด้วย
และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่อัยการจะไม่ส่งสำนวนที่ฟ้องไปแล้ว ให้กับ ป.ป.ช. เพราะถือว่าเป็นอำนาจในขอบเขตของตนเอง
ส่วนความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้ ต้องจับตาดูว่า จะมีการเปิดเผยเรื่องการขายทองแท่ง น้ำหนัก 1 หมื่นบาท รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และการครอบครองปืนกว่า 200 กระบอก ขึ้นมาโจมตีนายตำรวจใหญ่อีกระลอก
ในขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้มอบหมายให้ทนายความ เตรียมเปิดเผยเส้นทางการเงินของ “บิ๊กตำรวจบางคน” ที่อาจไปพัวพันกับเว็บพนันใหญ่เหมือนกัน เรียกได้ว่า รบกันแบบ “ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน”
ศึกครั้งนี้ ไฟได้ลามไปทั่วทุ่งปทุมวันไปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่จะเหลือต่อไปหลังจากนี้ คงมีเพียงซากปรักหักพัง
ถือเป็นภาระใหญ่บนบ่าของ “ผู้นำองค์กรสีกากี” ที่ต้องเรียกศรัทธาประชาชนคืนกลับมา!!!
………………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม