ปฏิบัติการโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นำโดย “มท.1-อนุทิน ชาญวีรกูล” บุกทลาย “โคตรบ่อน” ซึ่งตั้งอยู่ในเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ภายในหมู่บ้านพระปิ่น 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
สามารถจับกุมตัวนักพนันชาย-หญิงได้มากถึง 328 คน พร้อมเงินสดของกลาง ชิปแลกเงินหลาย 100 ล้านบาท อุปกรณ์เล่นพนันบาคารา เสือมังกร กำถั่ว และไฮโลจำนวนมาก
หลังเกิดเหตุ แน่นอนว่า ตำรวจย่อมมีการสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องทันที ไล่เรียงไปตั้งแต่ระดับ “ผู้การนนทบุรี” และ “3 เสือโรงพักบางใหญ่” แต่จนถึงวันนี้ กลับยังไม่มีความชัดเจนว่า “โคตรบ่อน” ที่มีโต๊ะ วี.ไอ.พี. 3 ห้องนี้ มี “ใครเป็นเจ้าของ”
แน่นอนว่า หากไม่มี “แบ็คอัพระดับสูง” คงไม่มีใครกล้า “ไฟเขียว” ให้เปิดบ่อนใหญ่ ที่เป็นบ่อนถาวร รองรับผู้เล่น 300 กว่าคนได้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาเรื่องราวเหล่านี้ มักจบแค่การจับตัว “ผู้จัดการบ่อน” ไปปรับ เสียเงินข้อหาจัดให้มีการเล่นพนัน
“แบ๊คอัพระดับสูง” ที่ว่า แน่นอนย่อมมี “อดีตบิ๊กสีกากี” เข้ามาเกี่ยวข้อง เท่าที่ทราบ…มีอย่างน้อย 3 ราย ไล่ตั้งแต่
1.อดีตพลตำรวจเอก ผู้กว้างขวางในยุทธจักรสีกากี
2.อดีตพลตำรวจโท ที่ผันตัวไปสู่แวดวงการเมือง
3.อดีตพลตำรวจโท (อีกคน) ที่เคยเป็นมือประสานสิบทิศให้กับ “ผู้นำองค์กร” ยุคหนึ่ง
จากสภาพแวดล้อมที่ตั้ง “โคตรบ่อน” แห่งนี้ เชื่อได้ว่า ทำกันมานานหลายเดือน และจะต้องได้ “ไฟเขียว” จากผู้เกี่ยวข้องระดับสูง ถึงจะสามารถเปิดได้
โดย “หุ้นส่วน” ทั้ง “สีกากี-สีเขียว-เซียนพนัน” มอบหมายให้ “เสี่ยนกเขา” เป็นผู้ดูแลกิจการ “โคตรบ่อน” นั่นเอง
เปิดประวัติ “เสี่ยนกเขา” นายบ่อน-ค่ายมวย ผู้กว้างขวาง
วันที่ 3 ก.พ.61 เป็นครั้งแรก ที่เราได้ยินชื่อเสียงของ “เสี่ยนกเขา” ตามสื่อ เมื่อชุดเฉพาะกิจ กองร้อยรักษาความสงบ กองบัญชาการควบคุม กองพลทหารราบที่ 9 กว่า 30 นายบุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันไพ่-ไฮโล ภายในชุมชนไทรคู่ กม.11 ใกล้ด้านหลังสถานีขนส่งหมอชิต
ครั้งนั้น จับกุมนักพนันได้ 54 ราย ของกลางมีโต๊ะพนันไฮโล 1 โต๊ะ พร้อมอุปกรณ์การเล่น เครื่องเล่นตกปลาไฟฟ้า 1 เครื่อง เงินสด 61,326 บาท กล้องวงจรปิด 17 ตัว เครื่องซีพียูบันทึก 5 เครื่อง และวิทยุสื่อสาร 3 เครื่องโดย มีนายสมจิต สุขแสวง อายุ 41 ปี รับเป็นผู้ดูแล
จุดเกิดเหตุ ตั้งอยู่ติดกับทางรถไฟ หากจะเข้าไปในชุมชน ต้องเข้าทางถนนด้านข้างสถานีขนส่งหมอชิตเท่านั้น และจะต้องขับรถข้ามทางรถไฟไปอีกฝั่งหนึ่ง ถึงจะเจอกับทางเข้า-ออก ที่มีเส้นทางเดียวเท่านั้น โดยมีรถจักรยานยนต์ของบ่อน รอให้บริการ
ครั้งนั้น มีการสั่งย้าย “4 เสือ สน.ประชาชื่น” ในวันรุ่งขึ้น โดยคำสั่งของผู้การตำรวจนครบาล 2 ในขณะนั้น
สำหรับ “เสี่ยนกเขา” เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน เนื่องจากเป็นคนใจบุญ ใครทุกข์ยาก จะคอยให้ความช่วยเหลือตลอด นอกจากนี้ “เสี่ยนกเขา” ยังมี “เครือญาติใกล้ชิด” ที่ลงเล่นการเมืองอีกด้วย มีโอกาสชิงชัย “สนามใหญ่” ในนามพรรคขั้นอำนาจเดิม แต่ไปไม่ถึงฝัน
ส่วนตัว “เสี่ยนกเขา” เอง ได้ผันตัวไปทำค่ายมวย และมีนักมวยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสังกัดมากมาย
ตัว “เสี่ยนกเขา” ยังมีความสนิทสนม กับบุคคลระดับบิ๊กๆ ทั้งสีกากีและสีเขียวหลายๆ คน เลยมี “คอนเน็กชั่น” ที่สามารถทำ “บ่อนสีเทา” ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งมีการ “ซ้อนแผนจับกุม” โดยชุดปฏิบัติการของกรมการปกครอง ที่นำโดยตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในปัจจุบัน “เสี่ยนกเขา” มาตั้งรกราก อิทธิพล ในแถบพื้นที่ย่านบางแค ซึ่งท้องที่เอง คงต้อง “หูตาไว” ให้มากขึ้นเช่นกัน
และที่น่าสนใจคือ นโยบายผลักดัน “กาสิโน” ในประเทศไทยถูกกฎหมาย เราอาจจะเห็น “นายทุนบ่อน” ที่เปิดตัวออกมาแบบไม่คิดไม่ฝันได้เช่นกัน
………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม