อย่างที่ทราบกัน ว่าต้นทางของ “แคดเมียม” 1.5 หมื่นตัน หรือ 15 ล้านกิโลกรัม มีที่มาจากบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับเหมืองแร่ ในจังหวัดตาก
ต่อมา บริษัทได้ถูกเทคโอเวอร์ และเปลี่ยนชื่อกิจการใหม่ ไปทำธุรกิจโรงแรมระดับไฮเอนด์ ส่วนกิจการบริษัทลูกเกี่ยวกับการทำเหมืองทั้งหมด ได้ถูกขายทิ้งไปก่อนหน้านั้น
จากการตรวจสอบ รายงานการประชุมของบริษัทดังกล่าว ที่ดำเนินการโดยผู้บริหารรายใหม่ ในปี 2564 พบข้อมูลคดีความฟ้องร้องที่น่าสนใจดังนี้ / เป็นคดีคดีหมายเลขที่ 63/2552
โดยโจทก์ เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบลุ่มน้ำแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รวม 298 คน ได้รับผลกระทบจากเหตุที่เกิดการปนเปื้อนโลหะแคดเมียมในพื้นที่ จากการประกอบธุรกิจเหมืองแร่
โจทก์ได้เรียกร้องให้บริษัทแห่งนี้ และบริษัทที่ร่วมกระทำผิดอีก 1 แห่ง จ่ายค่าสินไหมทดแทนตามมูลฟ้องรวม 1,095 ล้านบาท
ต่อมา วันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาให้จำเลย จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ เฉพาะรายที่มีบัตรผู้ป่วยโครงการแคดเมียมที่ออกโดยโรงพยาบาลแม่สอด เป็นจำนวน 4.12 ล้านบาท (สี่ล้านบาทเศษ)
ต่อมา บริษัทฯได้ยื่นอุทธรณ์ / วันที่ 18 เมยายน 2560 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสอง จ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เพิ่มเติม รวมเป็นจำนวนเงิน 36.60 ล้านบาท (สามสิบหกล้านบาทเศษ)
เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทฯ ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสอง ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ โดยบริษัทฯขอรับผิดชอบชำระเงินให้แก่โจทก์ เฉพาะในส่วนที่บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบเท่านั้น
กระทั่งวันที่ 13 สิงหาคม 2564 บริษัทฯ ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ครบทั้งจำนวน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์รวมเป็นเงิน 34.46 ล้านบาท
นับตั้งแต่ชาวบ้านฟ้องร้องคดีในปี 2552 รวมกว่า 12 ปี มาถึงปี 2564 ที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้เอกชนรายนี้ จ่ายค่าชดเชยให้กับชาวบ้านแม่ตาว ที่ได้รับผลกระทบจากแคดเมียม
ผ่านไป 2 ปี ในช่วงปลายปี 2566 เอกชนรายดังกล่าว ที่เปลี่ยนกิจการไปประกอบธุรกิจประเภทอื่น กลับปรากฎเป็นข่าว ว่าเป็นต้นทางเคลื่อนย้ายกากแร่ “แคดเมียม” 1.5 หมื่นตัน จากจังหวัดตาก ไปที่โรงงานในสมุทรสาคร และชลบุรี อีกครั้งหนึ่ง
…………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม
