ต้องบอกว่า เรื่องราวไม่จบลงง่ายๆ แค่ “คำขอโทษ” ซะแล้ว สำหรับพฤติกรรมของ “ประธานสาว” ของ “มูลนิธิฯแห่งหนึ่ง” ที่ช่วยเหลือสังคมในหลากหลายประเด็น แต่กลับถูกปูดเรื่องฉาวๆ ตั้งแต่เรื่อง การซื้อขายวุฒิปริญญาตรี ไปจนถึง การซื้อตำแหน่งในสภาฯ หรือแม้กระทั่ง บัตรเข้า-ออกสภาฯ
เรียกว่าเรื่องราวครั้งนี้ ลุกลามไประดับประเทศแล้ว เราไปไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกันอีกสักครั้ง
สำหรับ “ตัวประธานสาว” ถูก “คนใกล้ชิด” เปิดโปงพฤติกรรม ที่มีแชตและสลิปโอนเงิน เป็นหลักฐานยืนยัน อย่างน้อย 2 กรณี
1.จ่ายเงิน 2 แสน แลกวุฒิการศึกษา ม.ดังทางภาคเหนือ
- หว่านล้อมให้ผู้เสียหายซื้อวุฒิการศึกษา เพื่อเข้าไปมีตำแหน่งในสภา
- เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อวุฒิการศึกษา ป.ตรี
- โอนเงินผ่านคนใกล้ชิดชื่อ “เกษียร”
- มีอาจารย์มหาวิทยาลัยเข้ามาเกี่ยวข้อง
- สุดท้ายผู้เสียหาย ไม่ได้วุฒิฯ เลยออกมาเปิดโปง
- ล่าสุด ม.ดัง ไล่ออกอาจารย์ และแจ้งความดำเนินคดี
สำหรับเรื่องนี้ ประธานวิปรัฐบาล “วิสุทธิ์ ไชยณรุน” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยอมรับว่า “นายเกษียรเป็นคนขับรถของตนเอง และได้เรียกมาสอบถามแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่รู้เรื่อง แต่ไปรู้จักประธานสาวขณะไปเรียน ม.รามคำแหง”
“ทางฝ่ายหญิง อ้างว่าขอยืมบัญชีในการโอนเงิน เพราะบัญชีตัวเองมีปัญหา / หลังทราบเรื่อง ได้เรียกมาอบรมไปแล้ว จนลูกน้องร้องไห้ไปหลายรอบ และกำชับให้ไปแจ้งความเป็นหลักฐาน ส่วนเรื่องคดีความที่จะเกิดขึ้น ก็ว่ากันต่อไป ยืนยันไม่มีปกป้อง หากพิสูจน์ได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ก็จะให้ขับรถต่อ”
2.จ่ายเงินซื้อตำแหน่งเลขานุการ ในกรรมาธิการ
- มีแชตหลุดประธานสาวคุยหว่านล้อมเรื่องซื้อตำแหน่งในสภา
- เป็นตำแหน่งเลขานุการ กรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร
- อ้างว่ามีการซื้อตำแหน่งในราคา 5 แสน แต่ลดเหลือ 4 แสน
- ซื้อบัตรจอดรถ บัตรแลกเข้าสภา 3 ใบ ในราคา 1 หมื่นบาท
เรื่องราวนี้ ส่งผลกระทบไปถึงขั้น “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ต้องสั่งให้มีการทบทวนมาตรการคัดเลือกบุคคลที่จะมาร่วมกรรมาธิการต่างๆ หรือเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ในทำเนียบรัฐบาล หากมีการซื้อขายตำแหน่ง หรือบัตรเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลได้จริง ในราคาตกใบละ 3,300 บาทเศษ ตามที่กล่าวอ้าง เพราะสะท้อนให้เห็นความหละหลวมในการป้องกันรักษาความปลอดภัย ในทำเนียบรัฐบาล
แม้ตอนนี้ จะยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญา เอาผิดกับ “ประธานสาวรายนี้” ผู้เสียหายบางรายไปลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ในขณะที่ “ตัวประธานสาว” ได้โพสต์ขอโทษพฤติกรรมในอดีตที่เกิดขึ้น
โดยย้ำว่า ตัวเธอเอง พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีใครได้รับความเสียหาย / และหลังจากนี้ จะขอเดินหน้าทำงาน ขอโอกาส กลับมาทำงานเพื่อเด็ก สตรี และศาสนา ตัวเธอบอกว่า “ขอโทษจากใจจริง”
หลังจากนี้ คงต้องดูกันต่อว่า “สังคมไทย” จะให้อภัยและให้โอกาส “ประธานสาวรายนี้” หรือไม่ เพราะบุคคลหรือองค์กรที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบคนอื่นนั้น ในอันดับแรก ตัวเองคงต้องมีความสุจริต โปร่งใส และซื่อสัตย์เป็นที่ตั้งเสียก่อน
………………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม