วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกEXCLUSIVEหมายจับ2ข้อหา‘มาดามกุ๊บกิ๊บ’(เมียโจ๊ก) ลักทรัพย์-บุกรุกเคหสถาน..ห้อง“พ.ต.อ.”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หมายจับ2ข้อหา‘มาดามกุ๊บกิ๊บ’(เมียโจ๊ก) ลักทรัพย์-บุกรุกเคหสถาน..ห้อง“พ.ต.อ.”

เมื่อช่วงกลางดึกวันอาทิตย์ ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มี “หญิงสาว” เป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความ “ภรรยาบิ๊กโจ๊ก” คือ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” ที่ย่องเข้าไปในคอนโดฯ และกล่าวหาว่า เธอลักทรัพย์เอาทองคำรวมกว่า 6 ล้านบาท หลบหนีไป

โดยตัวผู้เสียหายยืนยันว่า มีหลักฐานครบทุกอย่าง

คดีนี้มีการเข้าแจ้งความ เมื่อเวลาเกือบ 5 ทุ่มครึ่ง วันที่ 20 ตุลาคม มีผู้เสียหายหญิง คือ “ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม” อายุ 50 ปี เป็นอาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้องตำรวจ แจ้งความว่า เธอและสามี คือ “พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์” เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจเช่นกัน พักอาศัยที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 101

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม เวลาประมาณ 14.00 น. “ธณัฏฐา” ได้ให้ “หลานชาย” เข้ามาเอาของที่ห้องพัก เมื่อหลานชายเดินทางมาถึงและออกจากลิฟต์ชั้น 7 แล้ว หลานชายได้สังเกตเห็น “มาดามกุ๊บกิ๊บ-ศิรินัดดา หักพาล” ภรรยาของบิ๊กโจ๊ก ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ใช้กุญแจและคีย์การ์ด เปิดเข้าไปในห้องพักของเธอ

หลังจากนั้น “หลาน” ได้โทรศัพท์ เล่าเรื่องดังกล่าวให้เธอทราบ ตัวอาจารย์หญิงท่านนี้ จึงรีบเดินทางมาจากนครปฐม เข้าไปตรวจสอบห้องพักและเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน ที่ได้เก็บไว้ในลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าภายในห้องพัก

พบว่าทรัพย์สิน 6 รายการ ประกอบด้วยทองคำน้ำหนักรวม 120 บาท เงินสดอีก 600,000 บาท รวมมูลค่าประมาณ 5.7 ล้านบาท หลังเกิดเหตุได้ติดต่อทวงถามมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงมาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

โดยทรัพย์สินดังกล่าว ผู้เสียหายแจ้งว่าเป็นทรัพย์สินที่ตน และ พ.ต.อ.ภีมพจน์ฯ ซื้อร่วมกัน เพื่อจะเอาไว้ใช้ในงานแต่งงานในเดือน ก.พ. 68

ด้าน “พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย” ผู้กำกับการ สน.พระโขนง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม แต่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 20 ต.ค.

ต่อมา ผู้เสียหายได้ไปออกรายการดังและพูดถึงประเด็นนี้ รายละเอียดความเสียหายที่ผู้เสียหายเคยให้ไว้กับตำรวจในวันแจ้งความ ปรากฎว่า มีมูลค่าน้อยกว่าที่ไปพูดในรายการดัง

ขณะนี้ตำรวจได้ติดต่อผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะเรียกตัวพยานในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย

ส่วนการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ จะต้องเป็นขั้นตอนหลังจากสอบผู้เสียหายเสร็จแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้เก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดในห้องพักไปตรวจสอบแล้ว

ต่อมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าพบ ผกก.สน.พระโขนง และ “ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม” ผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม กรณีทรัพย์สินที่สูญหายไปรวมมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ

นอกจากนี้ ยังได้มีการนำของกลางที่ผู้ถูกกล่าวหา (มาดามกุ๊บกิ๊บ) ทิ้งไว้ในห้องพักเกิดเหตุ บริเวณชั้น 7 คอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 101 เมื่อวันที่18 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1.นาฬิกาปาเต๊ะ ฟิลลิปส์ 2 เรือน

2.กระเป๋าสะพาย

3.เอกสารต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหาอีกหลายรายการ

ผู้บัญชาการ สพฐ. บอกว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ประสานมาให้ร่วมตรวจสอบเหตุลักทรัพย์ โดยผู้ถูกกล่าวหาได้ทิ้งหลักฐานไว้ในห้องที่เกิดเหตุหลายรายการ และได้ตรวจลายนิ้วมือแฝงไว้หมดแล้ว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในห้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพวงจรปิดในคอนโดฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว

เราลองตั้งข้อสังเกตไว้ก่อน ว่าคดีนี้…

1.เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ผ่านมา 2 เดือน ทำไมผู้เสียหายถึงเพิ่งมาแจ้งความ

2.ทรัพย์สินโดยเฉพาะทองคำจำนวนมาก มีที่มาอย่างไร ผู้ถูกกล่าวหานำออกไปอย่างไร

3.ทำไมผู้ถูกกล่าวหา ถึงทิ้งทรัพย์สินมูลค่าสูง อาทิ นาฬิกาหรู 2 เรือน กระเป๋าถือไว้ที่เกิดเหตุ

4.คดีลักทรัพย์ทั่วไป แต่คนใหญ่โต ถึงขั้นที่ผู้บัญชาการตำรวจ พฐ. ท่านลงมาตรวจสอบคุมคดีด้วยตนเอง

รู้จัก “มาดามกุ๊บกิ๊บ” ครอบครัวคหบดีสงขลา

ดร.ศิรินัดดา หักพาล หรือ มาดามกุ๊บกิ๊บ เป็นบุตรสาวของ “บัญชา พานิชพงศ์” นักธุรกิจใหญ่ เจ้าของกิจการคิวรถ บขส. สงขลา, ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้

มาดามกุ๊บกิ๊บ รู้จักกับ “บิ๊กโจ๊ก” ตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งคู่รู้จักกันที่สนามเทนนิส ซึ่งฝ่ายหญิงเพิ่งหัดเล่น และได้รู้จัก “บิ๊กโจ๊ก” ที่ขณะนั้นมีดีกรีเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติมาช่วยสอนเทนนิสให้

“มาดามกุ๊บกิ๊บ” ศึกษาที่โรงเรียนวรนารีเฉลิม ก่อนไปต่อปริญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม มหาลัยมหิดล ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย

จากนั้น “มาดามกุ๊บกิ๊บ” ได้เป็นอาจารย์สอนอาชญาวิทยาประจำหลักสูตรรัฐประศาสตร์ มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยทักษิณ อาจารย์ประจำวิชาทฤษฏีรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก

และควบคุมการทำสารนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก และเป็นประธานอาจารย์พิเศษ คุมวิทยานิพนธ์ คณะศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ก่อนจะหันมาทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการนำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ และเปิดคลินิกเสริมความงามนามบริษัท ชวิศพร จำกัด ผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน และแชมพูสมุนไพรศิริชมพูส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ

ส่วนประวัติชีวิตคู่ ดร.ศิรินัดดา และบิ๊กโจ๊ก หลังรู้จักกันในวัยเรียนแต่ยังไม่ได้คบหากัน ก่อนจะมาเริ่มศึกษาดูใจ และใช้สถานะแฟนดูแลกันในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคู่ชีวิตในช่วง 7 ปี รวมถึงเคียงข้างในยามที่อีกฝ่ายเจอมรสุมมาตลอดด้วย

กระทั่งในวันนี้ เธอตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ว่าลักทรัพย์ในห้องพ.ต.อ.ภีมพจน์ อาจารย์สอนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตามกระบวนการยุติธรรมไทยในระบบกล่าวหา ยังถือว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์

สำหรับ พ.ต.อ.ภีมพจน์ สามีของ “ธณัฏฐา” ผู้กล่าวหา “มาดามกุ๊บกิ๊บ” พบว่ามีตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จบ นรต.รุ่น 48 ถือเป็นรุ่นน้อง “บิ๊กโจ๊ก” 1 รุ่น

“มาดามกุ๊บกิ๊บ” ควงทนาย พบพนักงานสอบสวนตามหมายจับ

ความคืบหน้าคดี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจ สน.พระโขนง ได้ขออนุมัติศาลอาญาพระโขนง อนุมัติหมายจับกุม “ศิรินัดดา หักพาล” อายุ 50 ปี ในคดีอาญาที่ 1457/2567 ใน 2 ข้อหา คือ

1.ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน

2.ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน

แต่วันเดียวกัน เวลา 14.40 น. “มาดามกุ๊บกิ๊บ-ศิรินัดดา หักพาล” ภรรยาบิ๊กโจ๊ก ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานและร่วมกันบุกรุกในเคหสถาน

โดยเมื่อเจ้าตัวมาถึง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงประเด็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคีย์การ์ด ที่นำไปเปิดห้อง ร่วมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสามีของคู่กรณี และประเด็นเรื่องการขโมยของ

ซึ่ง “เจ้าตัว” ตอบเพียงว่า “ไม่ได้เป็นนะคะ เรื่องอะไรที่เสียหายจะมอบหมายให้กับทนายเป็นคนจัดการ” ส่วนในประเด็นที่ถูกกล่าวหานั้น “ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง” ก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ กับผู้สื่อข่าว

โดยคดีนี้มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ คือวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2577

หลังจากนี้ พลาดไม่ได้ว่า คดีนี้จะมีเบื้องหน้า-เบื้องหลัง มากกว่าที่คิดหรือไม่ เพราะ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” ได้เข้าพบตำรวจ และปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมมอบหมายให้ทนายความ เอาผิดใครที่พาดพิงเธอในทางเสื่อมเสียอื่นๆ แล้ว

…………………….

รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img