กรณีที่มีข่าว “อาม่า” โดน “ซินแสดัง” หลอกดูฮวงจุ้ย จนต้องซื้อของ “สะเดาะเคราะห์” สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท มีทั้ง “สิงห์คู่-กิเลนคู่” ราคาแพง
ล่าสุด นักข่าวได้ลงพื้นที่ หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจสอบโกดังแห่งหนึ่ง หลังได้เบาะแสว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้น พบว่า โกดังแห่งนี้มีชั้นเดียว ปลูกบนเนื้อที่ประมาณ 150 ตารางวา มีลานจอดรถด้านหน้า
โดยพบลังไม้พาเลทกองอยู่ที่รั้วจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบ “ศาลเจ้าจำลอง” วางกองอยู่กับพื้น และด้านข้างโกดังยังพบ “ฐานหิน” สำหรับไว้ “รองสิงห์คู่” วางเอาไว้ สภาพมีหญ้าขึ้นปกคลุม นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดติดไว้ทั่วโกดัง
จากการสอบถาม ทราบว่าผู้ที่มาเช่าโกดังชื่อ “เซียนอ๊อด” มีลูกน้องคล้ายๆ นักเลงอยู่หลายคน จึงไม่ค่อยมีชาวบ้านคนไหนไปยุ่งด้วย ก่อนหน้านี้ โกดังนี้ได้เคย “เปิดบ่อน” อยู่ได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นก็มาทำเกี่ยวกับ “ออนไลน์” ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าเป็น “เว็บพนันออนไลน์” ไหม
แต่จากการสังเกต มีการขอการไฟฟ้าติดตั้งหม้อแปลงขนาดใหญ่ ใช้ไฟเดือนละประมาณ 2-3 หมื่นบาท ซึ่งก็ทำอยู่ได้ไม่นาน ก่อนที่จะมาพบ “เซียนอ๊อด” ไปออกทีวี แล้วกลายเป็น “ซินแซ” และหลังจากนั้นโกดังนี้ ก็เปลี่ยนเป็น “โกดังเก็บสิงห์คู่” ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
ที่ผ่านมา จะมีรถบรรทุกและรถยกขับมาจากท่าเรือคลองเตย แล้วเอา “สิงห์” มาลงไว้ที่บริเวณลานจอดหน้าโกดังจำนวนมาก แล้วก็จะมีรถมาขนย้ายออกไป คาดว่าน่าจะไปส่งให้ลูกค้า นอกจากนี้ยังพบมีการ “จัดพิธีไหว้ครู” โดยมี “คนต่างถิ่น” ซึ่งไม่ใช่คนในหมู่บ้าน มาร่วมพิธีไหว้ครูกันเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ช่วงประมาณ 4-5 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีการขนย้ายเอาสิงห์คู่เข้ามาเก็บไว้ที่นี่ และโกดังดังกล่าวก็ปล่อยร้างไว้ มีลูกน้องของเขาคอยดูแลอยู่ โดยมีการเอาสุนัขมาขังกรงไว้อีก 1 ตัว แต่กลับไม่มีใครมาสนใจ ชาวบ้านที่สงสาร ก็จะเวียนเอาอาหารมาให้
ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านบางคนบอกว่า ที่ดินตรงนี้ถ้าคนไม่มี อยู่ไม่ได้ เพราะเคยมีมาเช่าที่ตรงนี้ แต่ขายยาบ้า ก็ถูกตำรวจจับ โกดังแห่งนี้สร้างมา 4 ปีแล้ว หลังจากนี้ เชื่อว่าตำรวจจะได้เข้าตรวจสอบ หาความเชื่อมโยงที่โกดังแห่งนี้ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับซินแสชื่อดัง และคดีอาม่าแสงเดือนอย่างไร
ยอดผู้เสียหาย “ซินแสดัง” พุ่งเกิน 10 ราย สูญ 70 ล้าน
ขณะที่ ตำรวจกองปราบ บอกว่า คดีนี้มีผู้เสียหายที่ถูกซินแสฮวงจุ้ยชื่อดังหลอกเงิน ทยอยเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่อง มากกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 70 ล้านบาท
จากการสอบปากคำผู้เสียหาย ส่วนใหญ่จะให้การไปในทิศทางเดียวกันคือ ถูก “หมอดูฮวงจุ้ย” ทักว่ากำลังจะมีเคราะห์ ต้องบูชาวัตถุมงคล หรือ ปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย เพื่อแก้เคล็ดทำให้ชีวิตดีขึ้น คล้ายกับการเอา “ความเชื่อของคน” มาเป็น “จุดอ่อน” ในการหลอกลวงเงิน
โดยเฉพาะพฤติกรรมการแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจากเหยื่อ รวมไปถึงการหลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อวัตถุมงคล แต่กลับไม่ได้รับสินค้า พฤติกรรมทั้งหมดเหล่านี้จึงอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
สำหรับคดีดังกล่าว เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ “สน.บางกอกน้อย” แต่หลังจากนี้ทาง “พนักงานสอบสวนกองปราบ” จะทำหนังสือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้พิจารณาโอนสำนวน มาอยู่ในความรับผิดชอบของ “กองปราบปราม” เพราะคดีมีความซับซ้อน
หากย้อนไปดู “คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่มีการหาสมาชิกในลักษณะหลอกลวงประชาชน เปรียบเทียบกับ “คดีซินแสดัง” ที่เกิดขึ้้น พบจุดร่วมหนึ่งที่น่าสนใจคล้ายๆ กัน นั่นคือการ “ชุบตัว” ผ่านรายการโทรทัศน์ ทางสื่อกระแสหลัก ที่มีการประมูลใบอนุญาตจาก “กสทช.”
กลายเป็นว่า “นักธุรกิจ-หมอดู” ที่มีบางส่วนอาจเป็น “มิจฉาชีพ” ใช้ช่องทางเหล่านี้ ในการ “สร้างชื่อเสียง” ชุบตัวออกรายการโทรทัศน์ โดยยอมเสียเงินราคาแพง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ใช้ไปหลอกลวงเหยื่อ
บางรายการ “อวยแล้วอวยอีก” จนถูกขุดคุ้ยเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ว่ามีการจ่ายเงินไปจำนวนมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีรายการอวยยศเหล่านี้ หรือช่องต่างๆ ออกมาแสดงความรับผิดชอบ
เช่นเดียวกับ “กสทช.” ที่ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะดำเนินการเอาผิด ตักเตือน ช่องที่เคยนำรายการหรือบุคคลเหล่านี้มาชุบตัวอย่างไร
เพราะสุดท้ายแล้ว ทั้งคดีซินแสหรือนักธุรกิจในดิไอคอนกรุ๊ป คงจะไม่ใช่รายสุดท้าย ที่ยอมจ่ายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รับการ “”อวยยศ” ผ่าน “พิธีกรดัง” ก่อนจะลงมือ “หลอกลวงเหยื่อ” ที่เป็นประชาชนที่เฝ้ารับชมอยู่หน้าจอ ในที่สุด
……………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม
