ศาลมีคำสั่งประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” วางยาฆ่า “ก้อย” ศาลให้ชดใช้ 2.3 ล้านบาท ส่วน “อดีตสามีนายตำรวจ” และ “ทนายพัช” ที่ช่วยเหลือซุกซ่อน ทำลายหลักฐานไซยาไนด์ ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี
ทั้งนี้ ตำรวจยังเตรียมอีก 14 สำนวน เพื่อส่งอัยการปลายเดือนนี้
วันที่ 20 พ.ย.67 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี จำเลยที่ 1 ความผิดฐาน
1.ฆ่าอื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
2.ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
3.ปลอมปนอาหาร ยา เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 40 ปี อดีตสามี และอดีต รอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือ “ทนายพัช” อายุ 36 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน พร้อมเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท
สำหรับคดีนี้ อัยการโจทก์ ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลย โดยสรุปคือ
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 “แอม” จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่า “น.ส.ศิริพร ขันวงษ์” หรือ “ก้อย” อายุ 32 ปี โดยนำสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ ปลอมปนใส่ลงในอาหาร หรือน้ำดื่ม และปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัด ให้ผู้ตายดื่มหรือรับประทาน
ขณะที่จำเลยที่ 1 กับผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนกัน เดินทางไปปล่อยปลาที่ท่าน้ำ ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อนที่ผู้ตายจะหมดสติ และเสียชีวิตเวลาต่อมา โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ และนำทรัพย์สินผู้ตาย 9 รายการ มูลค่า 154,630 บาทของผู้ตายไป
ส่วนจำเลยที่ 3 ได้ใช้หรือยุยงจำเลยที่ 2 นำทรัพย์สินไปซ่อนเร้น เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิให้ต้องรับโทษตามกฎหมาย หรือให้ได้รับโทษน้อยลงอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ต่อมาจำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี โดยจำเลยที่ 1 ถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนจำเลยที่ 2-3 ได้รับการประกันตัว โดยศาลตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท
ก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้ใส่กุญเเจมือจำเลยทั้งสามราย ยืนฟังการอ่านคำพิพากษาตลอดเวลา ต่างจากเดิมคือ หากมีการอ่านคำพิพากษานาน ศาลจะอนุญาตให้นั่งฟังได้และไม่ต้องใส่กุญแจมือ
ศาลพิเคราะห์พฤติการแห่งคดีว่า ช่วงวันที่ 1 ม.ค.63 ถึง 5 พ.ค.66 จำเลยที่ 1 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 95 ล้านบาท และมีเส้นทางการเงิน เชื่อมโยงอีก 10 บัญชี ที่ตรวจสอบพบว่า เป็นบัญชีม้าและเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งมีหนี้สินจำนวนมาก
ช่วงปี 64-65 จำเลยที่ 1 เสียเงินให้กับพนันออนไลน์จำนวนมาก เเละมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อมามีพยานที่เป็นผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 1 หลอกลวงเพื่อวางยาในน้ำดื่มและในยาเม็ดแคปซูล ต่อมาพบว่ามีอาการเหมือนถูกพิษ มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เเละรอดชีวิต 2 ราย
ส่วนการเสียชีวิตของนางสาวศิริพร หรือ “ก้อย” พบการกระทำของจำเลย แสดงให้เห็นถึงเจตนา และความคาดหมายว่าจะให้เสียชีวิตในช่วงเวลาใด รวมถึง “จำเลยที่ 1” คอยอยู่ใกล้ “ผู้ตาย” เพื่อ “ขโมยของ” ก่อนที่จะมีผู้อื่นเข้ามาช่วยเหลือ หากบริสุทธิ์จริง ควรอยู่ช่วยชีวิตจนถึงที่สุด
จึงเชื่อได้ว่า “จำเลยที่ 1” มีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น มีการสั่ง “ไซยาไนด์” มาอย่างเร่งรีบ ทั้งที่ไม่มีอาชีพเกี่ยวกับสารเคมี และพบว่ามียาไซยาไนด์ซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ของผู้ตายหลายจุด รวมถึงพบยาเม็ดแคปซูลที่ภายในประกอบด้วยสารไซยาไนด์ซ่อนอยู่ในห้องโดยสารรถยนต์
คดีนี้เเม้ไม่มีประจักษ์พยาน เเต่ พฤติการณ์ของ “จำเลยที่ 1” ที่เห็น “ผู้ตาย” ล้มลง เเละ ยัง “ลักทรัพย์ผู้ตาย” โดยไม่ช่วยเหลือ เเละภายหลังผู้ตายเสียชีวิตด้วยไซยาไนด์ เรียกได้ว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” ฟังได้ว่า “จำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อประโยชน์เเห่งการชิงทรัพย์”
ส่วน “จำเลยที่ 2-อดีตสามี” ของ “แอม” มีพฤติกรรมนำกระเป๋าของกลาง ที่ตำรวจชุดทำคดีตามหา ไปส่งให้กับ “แอม” แทนที่จะมอบให้พนักงานสอบสวน ตามคำยุยงของ “จำเลยที่ 3” คือ “ทนายพัช”
นอกจากนี้ “ทนายพัช” ยังยุยงให้ “จำเลยที่ 1” ปกปิดกระเป๋า ซึ่งเป็น “ของกลาง” ในคดี เพื่อเป็นแนวทางในการชนะคดี มีการส่งข้อความในไลน์ในกลุ่มที่สร้างขึ้น โดยส่งคำพิพากษาศาลฎีกา ถึงแนวทางชนะคดีโดยไม่มี “ของกลาง” ยุยงให้ “จำเลยที่ 2” ร่วมกระทำผิด
พยานโจทก์เเละโจทก์ร่วมมีน้ำหนัก ศาลรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึง 3 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนทางคดีแพ่ง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรชำระค่าขาดอุปการะ ค่าปลงศพเเละค่าเสียหายจากทรัพย์พร้อมดอกเบี้ย ให้ชำระให้โจทก์ร่วม เป็นเงิน 2,343,588 ล้านบาท
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 กระทำผิดตามฟ้อง การกระทำของนางสรารัตน์ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อกระทำอย่างอื่น “พิพากษาประหารชีวิต”
ส่วน “พ.ต.ท.วิฑูรย์-อดีตสามีแอม” จำเลยที่ 2 และ “น.ส.ธันย์นิชา” หรือ “ทนายพัช” จำเลยที่ 3 มีความผิดฐาน ช่วยเหลือจำเลยที่ 1 มิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี
เเต่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ จำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน เเละให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายเเก่โจทก์ร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ ตั้งเเต่ช่วงเวลา 9.30-12.30 น.
เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เบิกตัว “แอม” มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย สวมแว่นตา สวมหน้ากากอนามัยสีน้ำเงิน ร่างกายซูบผอมลง ยืนอยู่ตรงกลาง
ส่วน “ทนายพัช” ในวันนี้สวมชุดทนายความ ยืนอยู่ด้านซ้ายมือของ “แอม” ขณะที่ “พ.ต.ท.วิฑูรย์-อดีตสามี” ยืนอยู่ด้านขวามือของ “แอม” ทั้งหมดถูกใส่กุญแจมือ โดย “แอม ไซยาไนด์” ที่มีอาการเคร่งเครียด หันมาคุยกับ “ทนายพัช” โดยตลอด แต่ไม่หันไปมองหน้า “อดีตสามี”
จำเลยทั้ง 3 ราย ยืนฟังคำพิพากษาตลอดเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยทั้ง 3 คน ไม่มีท่าทีสลด หรือแสดงอาการเสียใจ และมีบางจังหวะที่จำเลยหันมาคุยกัน แล้วเหมือนหัวเราะออกมา
“แม่ก้อย” ปล่อยโฮ สาปส่ง “แอม ไซยาไนด์” ไม่มีท่าทีสลด
ส่วนมารดาและครอบครัวของ “ก้อย” ผู้เสียชีวิต หลังฟังคำพิพากษา ต่างก็ร้องไห้โฮ กอดกันด้วยความดีใจและโผเข้ากอดกัน
ขณะที่ภายหลังมีคำพิพากษา “นางพิน” แม่ของน.ส.ก้อย เปิดใจพร้อมน้ำตา กล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม และอยากจะบอกกับลูกสาวว่า “ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ขอให้นอนหลับให้สบาย ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง”
นอกจากนี้ นางพิน ยังกล่าวอีกว่า ทันทีที่ได้เจอหน้า “แอม ไซยาไนด์” ในห้องพิจารณาคดี ด้วยความที่ยังรู้สึกโกรธแค้น ไม่อยากจะมองหน้า แต่พอเหลือบไปเห็นสายตา “แอม” ก็ยังดูปกติ ไม่มีท่าทีสลด ขนาดศาลมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต “แอม” ก็ยังดูเป็นปกติ
“ทนายเดชา” ชี้แนวคำพิพากษา “แอม ไซยาไนด์” วางยาฆ่าคดีอื่น
ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ศาลพิพากษา แต่มีการพูดถึงพยานจากคดีอื่นด้วย ซึ่งสามารถนำคำพิพากษาในคดีนี้ เป็นแนวทางในการพิพากษาคดีอื่นที่เกี่ยวกับ “แอม” และมีการเสียชีวิตอีกด้วย
ส่วนคดีอื่นที่เกี่ยวกับแอม 14 คดี ทราบจากพนักงานสอบสวนกองปราบปรามที่เจอกันวันนี้ว่า พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนพร้อมความเห็นทางคดีมามอบให้กับพนักงานอัยการในวันที่ 26 พ.ย.ต่อไป
ทวนชื่อเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” รอทวงความยุติธรรม
อย่างที่ทนายเดชาบอก แอมยังมีคดีสังหารเหยื่อรายอื่นเกี่ยวเนื่องอีก 14 คดี หลังจากวันนี้ มีคำตัดสินคดีคุณก้อยไปแล้ว เราไปทวนรายชื่อเหยื่อแอมไซยาไนด์ ที่ครอบครัวยังรอคอยความยุติธรรมอยู่
1.น.ส.ดาริณี หรือ ฟ้า
เสียชีวิต วันที่ 13 ธ.ค.63 ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 1 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม
สาเหตุการตาย เกิดจาก กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
ทรัพย์สินสูญหาย 60,000 บาท
2.นายสุรัตน์
เสียชีวิต วันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
สาเหตุการตาย เกิดจาก หลอดเลือดหัวใจตีบ
เส้นทางการเงิน โอนเงินเข้าบัญชีของแอม 60,000 บาท
3.ร.ต.อ.(หญิง) กานดา หรือ ผู้กองนุ้ย อายุ 36 ปี
เสียชีวิต วันที่ 10 ส.ค.65 บริเวณหน้าห้างโกลบอล จังหวัดนครปฐม
สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว
พบว่าร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับแอม เมื่อ 4 ส.ค.65 จากนั้น 6 วันผ่านไปจึงเสียชีวิต
4.นางรจรินทร์ หรือ เจ๊น้อยขายผัก
เสียชีวิต วันที่ 10 ส.ค.65 ที่ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร
สาเหตุการตาย เกิดจาก เลือดเป็นกรด
พบว่า ร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับแอม เมื่อ 4 ส.ค.65 จากนั้น 6 วันผ่านไปจึงเสียชีวิต
5.นางจันทร์รัตน์
เสียชีวิต วันที่ 15 ส.ค.65 ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบโลหิตล้มเหลว
พบว่า ร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ 70,000 บาท และขายของในติ๊กต็อกกับแอม 20,000 บาท
6.นางมณีรัตน์
เสียชีวิต วันที่ 10 ก.ย.65 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครปฐม
7.น.ส.กะณิกา หรือ เอ๊ะ
เสียชีวิตวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บริเวณวงเวียนโพธาราม จ.ราชบุรี
สาเหตุการตาย เกิดจาก เลือดออกในสมอง
พบเงินในบัญชีธนาคารของผู้ตายถูกถอนออกไป 300,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำสูญหาย
8.น.ส.ผุสดี หรือ ครูอ๊อด
เสียชีวิต วันที่ 20 พ.ย.65 ที่บ้านพักใน ต.ลำบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม
สาเหตุการตาย เกิดจาก มะเร็งเม็ดเลือด
พบว่าร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับ แอม เมื่อ 4 ส.ค.65 วันเดียวกับ เจ๊น้อยและผู้กองนุ้ย
9.นายสุทธิศักดิ์ หรือ แด้
เสียชีวิต วันที่ 12 มี.ค.66 ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมืองอุดรธานี
สาเหตุการตาย เกิดจาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ
พบว่าสร้อยคอทองคำ, สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 8 บาท พระเครื่อง 100,000 บาท พร้อมเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สูญหาย
10.พ.ต.ต.(หญิง) นิภา หรือ สารวัตรปู
เสียชีวิต วันที่ 1 เม.ย.66 เกิดเหตุที่บ้านพัก ถนนเทศา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว
พบว่า เงินสด 10,000 บาท สูญหาย และเงินจากบัญชีธนาคารที่ถูกถอนออกไป 140,000 บาท
ยืนยันผลชันสูตร พบสารไซยาไนด์ในร่างกาย
11.น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย ท้าวแชร์
เสียชีวิต วันที่ 14 เม.ย.66 ที่ท่าน้ำบ้านโป่ง ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
สาเหตุการตาย เกิดจาก หัวใจล้มเหลว
พบว่า ทรัพย์สินสูญหายเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม 1 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสด 50,000 บาท
ยืนยันผลชันสูตร พบสารไซยาไนด์ในร่างกาย
12.นิด วิศวกร
เสียชีวิต ในปี 2563 พื้นที่ จ.นครปฐม
พบว่าอยู่กับแอมเป็นคนสุดท้าย
13.คุณยายรัตน์
เสียชีวิต ในปี 2556 ที่ตึกอยู่ข้างๆ กับภาวนาพุทโธที่เมืองสามพราน จ.นครปฐม
พบว่าผู้เสียชีวิต รู้จักกับนางแอม
14.หนิง สาวมุกดาหาร
เสียชีวิต ที่จังหวัดมุกดาหาร
แอมส่งยาลดน้ำหนักมาให้ ก่อนเสียชีวิต
พบว่าร่วมวงแชร์ และแอมติดหนี้ผู้ตายเป็นเงินหลักแสนบาท
15.มณฑาทิพย์ หรือ ทราย
เสียชีวิต วันที่ 7 กรกฏาคม 2558 ที่กรุงเทพมหานคร
แอมไปรับเหยื่อที่สนามบิน ขณะเดินทางกลับจากต่างประเทศ
พบว่า ทรัพย์สินเหยื่อต่างๆ แอมบอกนำไปประมูลขาย
ผู้รอดชีวิต
16.กานติมา หรือ ปลา
เหตุเกิดเมื่อปี 2565 ที่ จ.กาญจนบุรี
เหยื่อทานยาอมแก้ไอจากแอม และมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มือชา
พบว่า แอม ติดหนี้เหยื่อ 250,000 บาท
……………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม