วันพุธ, เมษายน 2, 2025
spot_img
หน้าแรกEXCLUSIVEชำแหละ6พฤติกรรม:คนบาปคราบนักบุญ ตุ๋น‘นักลงทุน’หมื่นล้าน-หอบเงินหนีไปจีน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ชำแหละ6พฤติกรรม:คนบาปคราบนักบุญ ตุ๋น‘นักลงทุน’หมื่นล้าน-หอบเงินหนีไปจีน

ถือเป็นข่าวใหญ่ ในแวดวงตลาดหุ้นไทย เมื่อ “หมอบุญ-นพ.บุญ วนาสิน” นักธุรกิจใหญ่ในแวดวงโรงพยาบาล ถูกออก “หมายจับ” ใน “คดีฉ้อโกง-ฟอกเงิน” มีข่าวว่า “เจ้าตัว” หอบเงินที่โกงมาแตะหลักหมื่นล้านบาท หลบหนีไปกบดานที่ประเทศจีน

จากการตรวจสอบพฤติกรรมของ “หมอบุญ” ที่ฉ้อโกงประชาชนรวมกว่า 1 พันคดี ผู้เสียหาย 200 กว่าราย ความเสียหายขณะนี้ แตะ 1 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อไล่เรียงว่า นักธุรกิจระดับประเทศรายนี้ ใช้วิธีการอย่างไร ในการฉ้อโกงกันมีดังนี้

1.กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน (CLEAN LOAN) โดย “หมอบุญ” ออกเช็คชำระหนี้ และให้บุคคลในครอบครัว หรือผู้ใกล้ชิดเป็นผู้อาวัลเช็ค (ผู้ค้ำประกัน) เป็นเงินกู้แบบไม่มีหลักค้ำประกัน ให้ผลตอบแทนประมาณ 5-15% ต่อปี

2.กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น บริษัท ธนบุรีเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) THG มามอบให้ผู้ให้กู้ (โอนหุ้นให้ผู้ให้กู้) ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-12% ต่อปี

3.กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น หรือเช็คมาค้ำประกัน (จำนำหุ้น) ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-12% ต่อปี

4.กู้ยืมเงินโดยมีบุคคล หรือนิติบุคคลมาค้ำประกัน ให้ผลตอบแทนประมาณ 8.5-15% ต่อปี

5.กู้ยืมเงินโดยนำใบหุ้นสามัญของ THG มาค้ำประกัน มอบให้ผู้ให้กู้ถือครองไว้ ให้ผลตอบแทนประมาณ 7-12% ต่อปี

6.ร่วมลงทุนหุ้น IPO หรือหุ้นที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าจะมอบหุ้นของบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด ให้ผู้ให้กู้ให้ผลตอบแทนประมาณ 5-8% ต่อปี สำหรับแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (CLEAN LOAN)

“หมอบุญ” ชวนลงทุน ให้ “ลูก-เมีย” ค้ำประกันเช็ค

โดยการเชิญชวนจะมีบุคคลในครอบครัว “นพ.บุญ” เป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกัน และลงลายมือชื่อสลักหลังเช็ค (อาวัล) เช่น น.ส.จารุวรรณ ภรรยานพ.บุญ หรือ นางณวรา อดีตลูกสะใภ้ของนพ.บุญ เป็นผู้ค้ำประกัน แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่ารูปแบบที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สัญญากู้ยืมในแต่ละราย จะแตกต่างกัน มีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ถึง 1 ปี ส่วนใหญ่จะมีกำหนด 6 เดือน โดยตัวแทน หรือผู้ชักชวน จะได้ค่าตอบแทนประมาณ ร้อยละ 2 จากยอดกู้ ต่อการทำสัญญาหนึ่งครั้ง

แฉ “โบรกเกอร์” ตุ๋นลงทุนกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ

ส่วนขั้นตอนในการลงทุน มีตัวแทนของ “นพ.บุญ” นำเสนอการลงทุนในโครงการต่างๆ ร่วมลงทุนแบบให้กู้ โดยในการลงทุนครั้งแรก ตัวแทนจะไปพบหรือติดต่อนักลงทุน แนะนำ โน้มน้าว ให้ผู้ลงทุนในลักษณะที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากได้ค่าตอบแทนสูงกว่ารูปแบบอื่นๆ

เมื่อผู้ลงทุนตกลงที่จะลงทุน ตัวแทนจะดำเนินการจัดเตรียมเอกสารสำหรับใช้ในการลงทุน ซึ่งประกอบด้วย สัญญากู้ยืมเงิน, สัญญาค้ำประกัน และเช็คชำระหนี้เงินต้น และเช็คชำระดอกเบี้ย (แยกคนละฉบับ เช็คชำระเงินต้นสั่งจ่ายเมื่อครบสัญญา ส่วนดอกเบี้ย แบ่งชำระทุก 3 เดือน)

โดยผู้เกี่ยวข้องลงลายมือชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว นำมามอบให้ผู้ลงทุน โดยเงินที่ใช้สำหรับการลงทุน จะโอนเข้าบัญชีของ “นพ.บุญ” โดยตรง โดยฝ่ายผู้ให้กู้กับฝ่ายผู้กู้ และผู้ค้ำประกันไม่เคยพบกันแต่อย่างใด เว้นแต่ผู้ลงทุนจะไปพบ “นพ.บุญ” โดยตรง

สำหรับเช็คชำระเงินต้น และดอกเบี้ย “นพ.บุญ” จะเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็ค “ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาเซ็นทรัลพระราม 9” แต่เพียงผู้เดียว เมื่อครบสัญญาลงทุน (กู้ยืม) ตัวแทนหรือโบรกเกอร์ ก็จะมาโน้มน้าว ชักชวนให้ลงทุนต่อ

โดยใช้เงินต้นเดิม และทำสัญญากู้ยืมใหม่ (เป็นการเปลี่ยนสัญญา) โดยโบรกเกอร์จะดำเนินการจัดทำเอกสารดังกล่าวข้างต้น มามอบให้ผู้ลงทุนเหมือนครั้งแรก

ผู้เสียหาย “หมอบุญ” เช็คเด้ง 247 ราย-สูญ 7.5 พันล้านบาท

ต่อมาเมื่อเช็คถึงกำหนดเรียกเก็บเงิน ผู้ลงทุนนำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ปรากฎว่า “เช็คเด้ง” ทำให้มีผู้เสียหาย 247 คน จำนวน 1,032 คดี เช็คของกลางจำนวน 1,032 ฉบับ รวมความ เสียหาย จำนวน 7,564 ล้านบาทเศษ

และจากการสืบสวนสอบสวนยังพบอีกว่า การออกเช็คของ “นพ.บุญ” เป็นเพียงกลอุบายหลอกลวงผู้กล่าวหา และบุคคลทั่วไปโดยเจตนาที่จะไม่ใช้เงิน ตามเช็คตั้งแต่ต้น การออกเช็คเป็นการหลอกลวงเพื่อทำให้ได้เงินไปจากผู้เสียหาย

10 นักลงทุนใหญ่ ถูก “หมอบุญ” ตุ๋น 2,198,425,000 บาท

มีผู้เสียหายบางส่วนเห็นว่าการกระทำของ “นพ.บุญ” กับพวก เป็นการทุจริตหลอกลวง เนื่องจากมีการปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ

กลุ่มนี้มีผู้เสียหาย 10 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวน 2,198,425,000 บาท (สองพันกว่าล้านบาท)

จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางบัญชี ธนาคารทหารไทยธนชาต สาขาเซ็นทรัลพลาซาพระราม 9 พบความเคลื่อนไหวของบัญชีชื่อ “นพ.บุญ วนาสิน” ซึ่งเป็นบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ และเป็นบัญชีที่สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ผู้ลงทุน

แฉ “หมอบุญ” โยกเงิน-จงใจสั่งระงับจ่ายเช็ค

จากการตรวจสอบพบว่า หลังจากมีการรับโอนเงินจากผู้ลงทุนแล้ว ในวันเดียวกันหรือไม่เกิน 3 วัน จะยักย้ายเงินออกจากบัญชีดังกล่าวทันที โดยทำถอนเงินออกจากบัญชีด้วยเช็คสั่งจ่ายเข้าบัญชีอื่นของตนเอง

อีกทั้ง “นพ.บุญ” ยังมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเจตนาโยกย้ายเงิน และเพื่อปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คเพื่อไม่ให้ ผู้ลงทุนนำเช็คไปเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคารได้ มีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้ผู้เสียหายได้รับชำระหนี้ ตั้งแต่ต้น

โดยหลังจากนี้ ตำรวจไทยได้ประสานกับทางตำรวจสากล ในการออก “หมายแดง” เพื่อ ตามล่าตัว “หมอบุญ” และยังพอมีข่าวดีบ้าง เมื่อ “ไทยและจีน” มี “สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน” และที่ผ่านมา 2 ประเทศ ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

หลังจากนี้ ต้องติดตามเรื่องการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหมอบุญและพวก ว่าจะสามารถนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย ได้มากน้อยเพียงใด

…………….

รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img