จากตรวจสอบข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคง พบข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมา อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ดังนี้
1.อังกฤษ 3.9 หมื่นคน
2.อิสราเอล 3.1 หมื่นคน
3.เนเธอร์แลนด์ 1.9 หมื่นคน
แต่เป็นการเดินทางเข้ามา แล้วก็ออกไป ไม่ได้ปักหลักพักอาศัยถาวร
ส่วนตัวเลขเดือนมกราคมปีนี้ มีนักท่องเที่ยวพักอาศัยอยู่ที่ อ.ปาย จริงๆ ประมาณ 4,446 คน ส่วนอีก 100 กว่าคน กระจายอยู่อำเภออื่นๆ เช่น อ.เมืองแม่ฮ่องสอน อ.ปางมะผ้า อ.แม่สะเรียง

สำหรับ ชาวอิสราเอล ที่พักใน อ.ปาย จากการสืบสวน หาข่าวของหน่วยงานความมั่นคง แบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังนี้ คือ
1.กลุ่มเคร่งศาสนา
แรบไบ หรือ บาทหลวง และครอบครัว มีบ้านพักส่วนตัวอยู่ในบริเวณ โบสถ์ยิว โดยมีรปภ. ของมูลนิธิ มาเฝ้าเป็นยามคัดกรองคนเข้า-ออก รวมถึง นักท่องเที่ยวที่มักจะเข้ามาร่วมพิธี
2.กลุ่มนักท่องเที่ยว
มีกลุ่มหัวรุนแรงปะปน มีการติดตามสถานการณ์ต่างประเทศ มักมีพิธีต่างออกไปจากกลุ่มเคร่งศาสนา
3.กลุ่มวัยรุ่น
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อ ดื่ม กิน เที่ยว เสเพลตามวัยรุ่นปกติ มักมีการรวมกลุ่มกันเพื่อเที่ยวในเวลากลางคืน และมักมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ไม่เหมาะสม ไม่พึงประสงค์ ป่วนสังคม
4.กลุ่มเกษียณอายุ
กลุ่มนี้มักจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เงินทุนหนาและอยู่ยาวในพื้นที่ พฤติกรรมไม่มีผลกระทบในสังคมหรือพื้นที่
5.กลุ่มที่หลบหนีสงคราม
มักจะเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มวัยรุ่น
6.กลุ่มนักธุรกิจและประกอบอาชีพ
กลุ่มนี้มีทั้งหมด 7 ราย มีใบอนุญาตทางานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีผลกระทบในสังคม แต่มักตกเป็นเป้าหมายสายตาของชาวบ้านที่ไม่เข้าใจ เนื่องจากชาวอิสราเอล มักจะไม่สื่อสาร หรือไม่ยอมปฏิสัมพันธ์กับคนในพื้นที่
นายกฯยัน “นทท.อิสราเอล” ยึดอ.ปาย ไม่เป็นความจริง
ก่อนหน้านี้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวชาวอิสราเอล ที่อาศัยในอ.ปาย หลายพันคนมีการตั้งรกราก และติดป้ายประกาศห้ามคนไทยเข้าพื้นที่ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และอาจจะบานปลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ

นายกฯอิ๊งค์ บอกว่า “เดี๋ยวก่อนนะ” พอดีได้ตรวจสอบแล้วว่า ไม่เป็นความจริง เดี๋ยวประชาชนฟังแค่คำถาม แล้วจะเกิดความสับสน ยืนยันว่า ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ พบว่าไม่เป็นความจริง
แต่จากข้อมูลหน่วยงานความมั่นคง ที่เรากางตัวเลขให้ดูไปนั้น ว่ามีชาวอิสราเอลที่แจ้งที่อยู่ในปาย กับ “สตม.” รวม 4 พันกว่าคน ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
ขณะที่ภาคเอกชนเอง ส่วนใหญ่มองว่า ไม่อยากให้เกิดกระแสแอนตี้นักท่องเที่ยวเกิดขึ้น เพราะหากนักท่องเที่ยวไม่เข้ามาเที่ยวในพื้นที่แล้ว เศรษฐกิจในพื้นที่พังอย่างแน่นอน
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหลังจากนี้ รัฐบาลคงต้องใช้ความรอบคอบ ระมัดระวัง เพราะรายได้จากการท่องเที่ยว ถือเป็นรายได้หลักของประเทศไทย
เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจ หรือรู้สึกว่าถูกต่อต้าน ก็อาจเลือกไปเที่ยวประเทศอื่นได้
แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงก็สำคัญเช่นกัน จึงจำเป็นต้องมีการป้องกัน สืบสวนหาข่าวในเชิงลึก ว่าอาจมีกิจกรรมของชาวอิสราเอล ที่ไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้นในพื้นที่ด้วยหรือไม่
เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทย ต้องตกเป็นเป้าสุ่มเสี่ยงถูกโจมตีจากกลุ่มคู่ขัดแย้งของอิสราเอล…เช่นเดียวกัน
……………….
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม