ถอดรหัสบึ้มสนามบินนราฯ!!ป่วน‘ทักษิณ’ จุดเริ่มต้นในจุดจบ‘คำขออภัย’คดีตากใบ

เมื่อลองย้อนเหตุการณ์ที่ หวังสร้างความปั่นป่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 เหตุการณ์ ก่อนอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางลงพื้นที่ในวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ.68 ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้

1.ระเบิดหน้าร้านสะดวกซื้อ “มินิบิ๊กซี” สาขา อ.บันนังสตา จ.ยะลา แรงระเบิดทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย ตำรวจชุดสายตรวจได้รับบาดเจ็บอีก 7 นาย ทรัพย์สินเสียหาย โดยเฉพาะรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่บริเวณใกล้เคียง

2.เหตุขว้างประทัดยักษ์บริเวณแยกวัดเจาะไอร้อง หมู่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยภายในวัดเป็นที่ตั้งของฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย

3.ระเบิดที่รถกระบะของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจอดอยู่ในเขตท่าอากาศยานนราธิวาส แรงระเบิดทำให้ตัวรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

สองเหตุการณ์แรก เกิดช่วงกลางคืนของวันเสาร์ที่ 22 ก.พ. ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่รถกระบะ เกิดก่อนคณะของอดีตนายกฯเดินทางถึงสนามบินราวๆ 1 ชั่วโมง

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดคือ เหตุระเบิดที่รถกระบะในพื้นที่สนามบินนราธิวาส ที่มีสื่อบางแห่งรายงานว่าเป็น “คาร์บอมบ์” ทำให้สถานการณ์ดูร้ายแรง และก่อความตื่นตระหนกพอสมควร ทั้งๆ ที่ความเสียหายของเหตุการณ์นี้ มีเพียงเล็กน้อย

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดโดยตรง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาข้อมูลด้านการก่อการร้ายและก่อความไม่สงบ ได้รับคำยืนยันว่า รูปแบบระเบิดที่เกิดขึ้นในเขตสนามบินนราธิวาส ไม่ได้เรียกว่า “คาร์บอมบ์”

แต่ระเบิดแบบนี้ ต้องเรียกว่า “บอมบ์อินคาร์” เพราะเป็นการวางระเบิดลูกเล็ก ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ ขณะที่ คำจำกัดความของ “คาร์บอมบ์” ในเชิงยุทธวิธีคือ การประกอบระเบิดแสวงเครื่อง ซุกซ่อนอยู่เป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์คันนั้น

ลักษณะของ “คาร์บอมบ์” คือ วัตถุระเบิดและปริมาณดินระเบิดต้องมีความรุนแรงและจำนวนมากพอ ที่จะทำให้รถยนต์ที่ติดตั้งระเบิดมานั้น แตกกระจายเป็นชิ้นส่วน สะเก็ดระเบิดที่แตกกระเด็นไป เรียกว่า “ส่วนสังหาร” สามารถทำลายชีวิตและทรัพย์สินได้

ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานด้านข่าวกรอง ให้ข้อมูลเพิ่มว่า แม้ระเบิดที่เกิดขึ้นที่สนามบินนราธิวาส จะไม่ส่งผลเสียหายอย่างรุนแรง แต่ก็ทำให้เป็น “ข่าวใหญ่” และ “ฝ่ายผู้ก่อเหตุ” ก็ต้องการให้เป็นข่าว โดยมีเจตนาเพื่อแสดงพลังข่มฝ่ายรัฐ และสร้างขวัญกำลังใจให้ฝ่ายตนเอง

ที่สำคัญคือ ภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ควบคุม เฝ้าระวัง และป้องปรามการเกิดเหตุไม่ได้ จึงเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ต้องแก้ไขกันต่อไป

ทั้งนี้ “ทักษิณ” ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ในการลงพื้นที่โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกล่าวขออภัยกับเหตุการณ์ที่ตากใบ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และไม่สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ ระดับผู้สั่งการได้

“เรื่องตากใบ ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาด ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วยครับ เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวขอโทษ ยอมรับความผิดพลาดในอดีต

นี่อาจเป็นคำขออภัยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ที่หลุดจากปากของ “ทักษิณ” อดีตนายกรัฐมนตรี กับการสั่งการสลายชุมนุมตากใบ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.47

เหตุการณ์นี้ กลายเป็นแผลในใจพี่น้องชายแดนใต้หลายครอบครัว ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป 78 ชีวิต กลายเป็นหนึ่งปมปัญหา ที่ทำให้ไฟใต้ลุกโชนขึ้นในช่วงนั้น จนถึงปัจจุบันนี้

เหตุระเบิดป่วนเมือง ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่ภาคใต้ในรอบ 19 ปี ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะโยงกับความคับแค้นใจ ที่มีบางกลุ่มต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือแสดงถึงความดำรงอยู่ของกลุ่มตนเอง

ในขณะที่ “คำขออภัย” เหตุการณ์ตากใบของ “ทักษิณ” ในครั้งนี้ ย่อมมองได้ว่า มีความพยายามในการผลักดันแก้ไขปัญหาดับไฟใต้ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เริ่มจากคำง่ายๆ คือ “คำขออภัย” แต่มิใช่ “คำขอโทษ”

หลังจากนี้ คงต้องดูกันต่อไปว่าไฟใต้ที่ลุกโชนมา 20 ปีเต็ม จะดับลงได้สนิท…จริงหรือไม่ ภายใต้บทบาทของ “ทักษิณ” ที่สวมหมวก “ที่ปรึกษาประธานอาเซียน” โดย “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่หวังให้เกิด “ความสงบ” ในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย

เรื่องนี้ จะเป็น “จุดเริ่มต้นในจุดจบ” ได้จริงหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

……………

รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม