“กัณวีร์ สืบแสง” สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กกรณี รถติดเทปดำ 6 คัน ออกจาก “ตม.สวนพลู” ช่วงกลางดึกประมาณตีสอง
หลังจากก่อนหน้านี้โพสต์ว่า กมธ.การต่างประเทศ สว.สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลอย่างยิ่ง กับข่าวที่ไทยจะผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 48 คน ที่ถูกกักในห้องกักของ สตม.มาเกือบ 11 ปี กลับประเทศจีน
เฟซบุ๊กของ “กัณวีร์” ลงภาพรถขนผู้ต้องหาของ สตม. พร้อมข้อความว่า “ด่วนครับ มีรถบรรทุกของ ตม.ต้องสงสัยว่าจะขนชาวอุยกูร์ 48 คน ออกจาก ตม.สวนพลู เมื่อเวลา 02.14 น.ที่ผ่านมา
มีการติดเทปดำทั้งคัน 6 คัน มีรถตำรวจตามขบวน และปิดกั้นไม่ให้ผู้สื่อข่าว ขึ้นทางด่วนตาม ท่านใดพบเห็นรถลักษณะนี้ แจ้งด้วยนะครับ เพราะขณะนี้ยังไม่พบว่ากลับเข้าไปใน สตม.และผิดปกติ เพราะรถดังกล่าว จะไม่ติดเทปดำมืดสนิทแบบนี้
รัฐบาลไทยกำลังทำอะไร นายกรัฐมนตรี ต้องตอบประชาชนอย่างเร่งด่วนนะครับ
ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการส่งกลับชาวอุยกูร์ไปสู่การประหัตประหาร พวกเขาถูกขังฟรีมา 11 ปีแล้ว เราละเมิดสิทธิมนุษยชนเขามากพอแล้ว สามารถมีแนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ครับ”

“สส.กันวีร์” โพสต์ด้วยว่า พบเครื่องบินจีนสายการบินไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ ต้องสงสัยออกจากดอนเมืองช่วงตี 4 ไม่ระบุปลายทางขึ้นบิน หลังรถบรรทุกปิดเทปดำที่สงสัยขนชาวอุยกูร์ 48 คน ออกจาก ตม.สวนพลู ตอนตี 2 เช็กต้นทางพบว่าบินมาจากมณฑลซินเจียง ของชาวอุยกูร์
โดยเครื่องบินสายการบินนี้ เป็นสายการบินเดียวกันกับที่รัฐบาลจีน เช่าเหมาลำมารับคนจีนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แม่สอด จึงเป็นไปได้มากแล้วครับว่าชาวอุยกูร์ถูกส่งกลับไปจีน

ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวถึงกระแสข่าวชาวอุยกูร์ถูกส่งกลับจีนว่า ตั้งแต่เมื่อเย็นและตลอดช่วงกลางคืน พยายามพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน แต่หลายคนต่างก็ให้การปฏิเสธ
มันเลยมีข้อบ่งชี้หลายอย่าง ที่ทำให้เกิดความน่ากังวล เพราะถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
“ถ้าจำกันได้ที่ผ่านมาเราเคยส่งอุยกูร์ กลับไปก่อนหน้านี้ แล้วมีเหตุระเบิด ผมไม่อยากทำนาย แต่มองด้วยความเป็นห่วง ว่าการส่งอุยกร์กลับไปให้จีน จะมีผลกระทบหลากหลายรูปแบบมาก ตอนนี้ได้แต่ภาวนาไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง” รังสิมันต์ โรม ในฐานะ ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ ระบุ
เปิดที่มา “อุยกูร์” ถูกกักในไทย รอไปประเทศที่ 3
ความที่มาที่ไปของกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ลักลอบใช้ไทยเป็นทางผ่าน เพราะต้องการหนีความกดขี่ ความไม่เป็นธรรมจากประเทศต้นทาง เพราะความเห็นต่างด้านการเมือง ศาสนา โดยต้องการลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3
แต่เมื่อมีการจับกุมกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยได้ ส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดีลักลอบเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522
ต่อมาพบปัญหาคือ เมื่อรับโทษเสร็จสิ้น ไม่สามารถส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นทางได้ เพราะมีโอกาสถูกทำร้าย ทรมาน อันตรายต่อชีวิต ส่วนประเทศที่สามที่จะรับเป็นผู้ลี้ภัยไม่แน่นอน จึงถูกกักตัวอย่างไม่มีกำหนด
และนอกเหนือจากชาวอุยกูร์แล้ว ยังมีชาวเมียนมา ชาวโรฮิงญา ที่อยู่ในห้องกัก สตม.รวม 900 คน เกินความจุที่กำหนดไว้ 800 คน
ด้วยความแออัดที่เกิดขึ้น องค์กรเอกชนรายงานไปยังว่า ที่ผ่านมา มีผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ 5 คน เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว มีทั้งทารกแรกเกิดและเด็กอายุ 3 ขวบ
สำหรับผู้ต้องกักที่อยู่ในไทยนานที่สุด เป็นชาวแคเมอรูน ที่ไม่มีสัญชาติและครอบครัว
เปิดบันทึก “สตม.-สมช.” ไม่อนุญาตเข้าเยี่ยม 48 อุยกูร์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ชุดของ “สว.อังคณา นีละไพจิตร” มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังมีกระแสข่าวว่า ทางการไทยอาจมีการผลักดันชาวอุยกูร์ 48 คน กลับประเทศจีน มีหน่วยงานสำคัญที่มาชี้แจงคือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สรุปสาระได้ดังนี้
1.สตม. ปฏิเสธคำร้องขอของ กมธ.พัฒนาการเมือง ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชาวอุยกูร์ ที่ห้องกักถึง 2 รอบ โดยทางตำรวจ สตม. และตัวแทนจาก สมช. อ้างเป็นเรื่องเปราะบาง กระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ
2.ข่าวลือเรื่องส่งกลับชาวอุยกูร์ เกิดขึ้นช่วง พ.ย.2567 ที่ สตม.เปลี่ยนการเก็บอัตลักษณ์บุคคลเป็น “ไบโอเมทริกซ์” จึงเกิดความเข้าใจผิดในกลุ่มผู้ต้องกัก
3.เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. หลังมีการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ตัวแทนจาก สตม. ชี้แจงกับ กมธ.ความมั่นคง ชุด “รังสิมันต์ โรม” โดยยอมรับว่า ขณะนี้ระบบข้อมูลไลเซนส์ ไบโอเมทริกซ์ 50 ล้านไลเซนส์ เต็มทั้งหมดแล้ว
ทุกวันนี้ ต้องใช้การถ่ายภาพ-ปั๊มลายนิ้วมือแทน ดังนั้้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเก็บไบโอเมทริกซ์ กับชาวอุยกูร์ 48 คน เป็นเช่นไร ทำได้จริงหรือไม่ ในเมื่อไลเซนส์ที่ซื้อไว้ 50 ล้านไลเซนส์ เต็มหมดแล้ว
4.ตัวแทน สตม. ย้ำว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565
โดยมาตรา 13 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากบุคคลนั้นเสี่ยงชีวิต ถูกกระทำทรมาน โหดร้าย หากตรวจพบ เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีความผิด
ดังนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ ไม่มีแนวคิดจะส่งตัวกลับอย่างแน่นอน

ถึงตอนนี้ ข้อมูลข้างต้นที่อธิบายไป อาจคลายข้อสงสัยว่าทำไมทางการไทยต้องรับภาระ ดูแล “ผู้ต้องกัก” กว่า 900 คนเอาไว้ ไม่ผลักดันกลับประเทศต้นทางไปเลย
เพราะนอกเหนือจากตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยังมีกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อาทิ
1.หลักการเรื่องการห้ามผลักดันบุคคลสู่อันตราย (Non- refoulement)
2.อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ (CAT)
3.อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (ICPPED)
และสุดท้าย คือเรื่องสำคัญที่สุด คือ “ภาพลักษณ์” ของประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” ในสายตาของนานาประเทศ ที่จะทำมาค้าขาย หรือมาท่องเที่ยว
เพราะหากไทยละเมิดกฎหมาย จารีตดังกล่าว ด้วยการส่งตัวชาวอุยกูร์ 48 รายกลับประเทศ
ไทยอาจได้รับผลกระทบ ทั้งภายในและภายนอก เหมือนที่เราเคยประสบมาแล้ว และอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง

ทางการจีนยืนยัน ไทยส่งตัว “อุยกูร์” 40 ราย
ด้าน เพจสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ระบุว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (27 ก.พ.) ชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 40 รายถูกส่งตัวกลับซินเจียงของ ประเทศจีนจากประเทศไทย โดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำของบริษัทการบินพลเรือนของจีน
เป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมระหว่างจีน และไทยที่ได้ร่วมมือจัดการกับอาชญากรรมการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และปกป้องสิทธิ และผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองจีน ตามกฎหมายของสองประเทศและแนวปฏิบัติระหว่างประเทศ

พร้อมระบุว่า ชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดหมายที่ถูกส่งกลับจีนในครั้งนี้ ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 10 กว่าปี เนื่องจากปัจจัยระหว่างประเทศที่ซับซ้อน
หน่วยงานความมั่นคงสาธารณะ และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศจีน ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้คนเหล่านี้กลับบ้าน หลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ได้มาตรฐาน ยุติธรรมและมีอารยะ
…………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม