กลายเป็นดราม่าลามใหญ่โต เมื่อ “เชฟกระทะฮ้าง” เซเลปสายพ่อครัว ตัวพ่อในการสร้างรายได้จาก “คลิปรีลส์” เฟซบุ๊ก โพสต์ข้อความตัดพ้อ ทำนองว่า ถูกเรียกเก็บภาษีหลักแสน แล้วทำไมตอนลำบาก ไม่เห็นมีใครเคยช่วย
พอโพสต์ไปแบบนี้ ก็เลยงานงอก ดราม่าลามไปใหญ่ จนล่าสุด เจ้าตัวคือ “สมบูญ วรรณวงศ์” เจ้าของเพจเชฟกระทะฮ้าง อยู่ที่บ้านดงบัง ตำบลหนองขุ่นใหญ่ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ออกมาชี้แจงอีกครั้ง
เชฟกระทะฮ้าง บอกว่า เริ่มทำคลิปรีลส์ ลงเพจเฟซบุ๊กมาได้ประมาณ 2 ปี ตอนแรกยอดวิวผู้ชม ยังอยู่แค่หลักร้อย จากนั้นขยับมาเป็นหลักพันและหลักหมื่น จนกระทั่งขึ้นมาหลักแสนและหลักล้าน เป็นล้านเป็นบางคลิป
ในช่วงที่ ยอดวิวเริ่มปัง เริ่มมีคนเข้ามาดูเยอะ เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ปี 2568 ตอนแรก เริ่มทำคลิปเพียงแค่คนเดียว จากนั้นก็เอาหลานมาทำคลิปด้วย จากยอดคนดูแค่หลักร้อย ก็เริ่มขึ้นมาหลักหมื่นหลักแสน

พอเอาเมียเข้ามาทำคลิปด้วย คนดูก็เริ่มขึ้นเป็นหลักล้านวิว ทำคลิปแนวบ้านๆ ทำคลิปการทำอาหาร รายได้ช่วงที่ปังสุดๆก็หลักแสน ช่วงเดือนมกราคม รายได้หลักแสนได้แน่นอน จนกระทั่งพุ่งทะลุมีรายได้สูงสุด คือ 5 หมื่นเหรียญ หรือ ราวๆ 1.7 ล้านบาท
สำหรับดราม่าที่โพสต์ตัดพ้อเรื่องภาษี เชฟกระทะฮ้าง ได้ชี้แจงกลับมาว่า คนทุกคนในประเทศนี้ ถ้ารายได้ถึงเกณฑ์ ตามกฎหมายก็ต้องไปยื่นจ่ายภาษี สำหรับกรณีของตัวเอง ทางสรรพากรได้ติดต่อให้ไปยื่นแบบ จ่ายภาษี
เชฟก็เลยเข้าไปพบ “สรรพากร” ตามที่นัด แต่เข้าไปแล้วเอกสารไม่ครบ ทางสรรพากรแจ้งว่า ต้องไปขอสเตทเม้นท์ย้อนหลัง 1 ปี ของปี 2567 แต่จริงๆ แล้ว เพิ่งมีรายได้จากการทำคลิปในปี 2568 ที่มียอดวิวสูงๆ
ส่วนที่ผ่านมา รายได้จากการทำคลิปยังไม่ถึงแสน และสรรพากรได้แจ้งว่า ประมาณสิ้นเดือนนี้ให้เข้าไปพบสรรพากรอีก ดังนั้นยืนยันว่าตัวเองจ่ายภาษีแน่นอน แต่ขณะนี้ต้องรอการประเมินก่อน
รู้จักวิธีคำนวนภาษี “คอนเทนต์ ครีเอเตอร์”
ต้องบอกว่า การแข่งขันอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก อีกหนึ่งอาชีพที่เติบโตไปพร้อมกับกระแสเหล่านี้คือ คอนเทนต์ครีเอเตอร์
ไม่ว่าจะเป็น ยูทูบเบอร์ (Youtuber) ติ๊กต็อกเกอร์ (TikToker) หรือ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่จะสร้างเนื้อหาเพื่อดึงดูดยอดวิว ยิ่งมีคนชื่นชอบมากเท่าไหร่ รายได้ก็จะเยอะขึ้นตาม
ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการรับจ้างรีวิวสินค้า หรือส่วนแบ่งจากค่าโฆษณาก็ตาม ทำให้ อาชีพคนกลุ่มนี้เป็นที่จับตามองของกรมสรรพากรว่าเสียภาษีกันบ้างหรือเปล่า แล้วภาษีที่เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องรู้มีอะไรบ้าง ไปติดตามกัน
เนื่องจากอาชีพดังกล่าว เพิ่งได้รับความนิยมมาไม่นาน ในด้านภาษีจึงยังไม่มีข้อกำหนดภาษีสำหรับอาชีพเหล่านี้โดยเฉพาะ
การคำนวณภาษีในปัจจุบันจึงต้องนำประเภทรายได้มาพิจารณาดูว่าแต่ละรายได้เป็นประเภทไหน
1.รับจ้างรีวิวสินค้า เป็นรายได้ประเภทที่ 2 หักเหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
2.โชว์ตัว ออกงาน เป็นรายได้ประเภทที่ 2 หักเหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
3.ส่วนแบ่งโฆษณาจากแพลตฟอร์ม เป็นรายได้ประเภทที่ 8 หักค่าใช้จ่ายตามจริงเท่านั้น
4.ขายสินค้าออนไลน์ เป็นรายได้ประเภทที่ 8 หักเหมา 60% หรือ หักตามจริง

เมื่อแยกได้ว่า มีรายได้ประเภทอะไรบ้าง เราก็จะนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในขณะเดียวกันถ้ารายได้รวมเกิน 1.8 ล้านต่อปี ก็จะมีภาระภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% จากรายได้เพิ่มเติม
สำหรับ เชฟกระทะฮ้าง ถ้าหากรายได้ถึงเกณฑ์ และต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีวิธีการคำนวนคร่าวๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : รายได้ หัก ค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
ขั้นตอนที่ 2 : เงินได้สุทธิ คูณ อัตราภาษีขั้นบันได 5%-5% = ภาษีที่ต้องจ่าย
ยกตัวอย่างเช่น เชฟกระทะฮ้าง มีรายได้จากส่วนแบ่งโฆษณาต่อปี 1 ล้านบาท มีรายจ่ายและต้นทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้น สมมติเป็นเงิน 1 แสนบาท อาทิ ค่าวัตถุดิบต่างๆ
ภาษีที่ต้องชำระคำนวณได้ดังนี้
Step1 : รายได้ส่วนแบ่งจากโฆษณา 1 ล้าน หักรายจ่าย 1 แสน หักลดหย่อนส่วนตัว 6 หมื่น = เงินได้สุทธิ 8.4 แสน
Step2 : เงินได้สุทธิ 8.4 แสน คูณ อัตราภาษีขั้นบันได 5% – 35% = ภาษีที่ต้องจ่าย 83,000 บาท เป็นต้น

“อธิบดีสรรพากร” เตือนแล้ว “อินฟลูฯ” ต้องจ่ายภาษี
ขณะที่ “ปิ่นสาย สุรัสวดี” อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ได้ติดตามโซเชียลมีเดีย เห็นคนที่เป็น “อินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ” หรือขายสินค้าออนไลน์หลายคน พอตรวจเช็คชื่อออกมา ว่าเสียภาษีหรือไม่ เชื่อไหมครับ อย่าว่าแต่เสียภาษีเลย ยื่นแบบภาษียังไม่ยื่นเลย ย้อนไป 3-4 ปี ก็ไม่เคยยื่นเลย
กรมสรรพากรมีอำนาจตรวจสอบย้อนหลังได้ 2 ปี และขยายเวลาตรวจสอบได้เป็น 5 ปี ในกรณีมีรายได้เข้าเกณฑ์แต่ไม่เสียภาษี จะต้องชำระพร้อมเบี้ยปรับ ซึ่งจากต้องเสีย 10,000 ก็กลายเป็น 50,000 บาท หรือ 5 เท่า เด็กรุ่นใหม่ทำงานได้เงินเท่าไหร่ ก็ใช้หมด พอเรียกเก็บไป ไม่มีเงินมาจ่ายสักคน
กลุ่มที่เป็นห่วง คือ กลุ่มขายของออนไลน์-การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ-อินฟลูเอนเซอร์-รับรีวิวสินค้า จากดูข้อมูลจะพบว่า คนเหล่านี้ไม่ยื่นเสียภาษีกันเลย อยากให้มีการยื่นภาษีให้ถูกต้องและให้ความสำคัญมาก เพราะการมาเรียกปรับทีหลัง ไม่มีประโยชน์ต่อทั้งกรมฯและผู้เสียภาษี
ทั้งนี้ บทลงโทษสำหรับคนที่เข้าเกณฑ์แต่ไม่เสียภาษีเงินได้นั้น อธิบดีกรมสรรพากร ย้ำว่า จะมีทั้งโทษแพ่งและอาญา ในปัจจุบันกรมสรรพากรจะใช้โทษทางแพ่ง โดยมีทั้งส่วนของเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
สำหรับค่าปรับนั้นมีตั้งแต่ 0-2 เท่าของภาษีที่ต้องจ่าย นอกจากนั้น ยังมีส่วนเงินเพิ่มคิดที่อัตรา 1.5% ต่อเดือน ซึ่งหากปรับกันเต็มที่นั้นอาจเกินกว่ามูลค่าภาษีที่ต้องเสียจริงกว่า 4 เท่า
ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า ประชาชนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ ก็ต้องจ่ายภาษีเข้าระบบ เนื่องจากภาษีเหล่านี้ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ที่นำไปพัฒนาประเทศชาติ เช่นการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งสวัสดิการของประชาชน ในประเทศด้วยนั่นเอง
………………
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม