ย้อนไปเมื่อวันที่ 3 ก.ย.55 “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” ตำรวจ สน.ทองหล่อ ถูกคนขับรถเฟอร์รารี่ชนเสียชีวิต บนถนนสุขุมวิท จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหลบหนี
สุดท้าย “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ในขณะนั้น) นำกำลังไปควบคุมตัว “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” มาดำเนินการสอบสวนดำเนินคดี แจ้งข้อกล่าวหา 5 ข้อหา ประกอบด้วย
-ขับรถขณะเมาสุรา
-ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
-ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
-ขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าพนักงาน
-ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ปี 2556 ตำรวจส่งสำนวนคดีให้อัยการ มีความเห็นสั่งฟ้องแค่ 3 ข้อหา แต่ไม่ฟ้อง “บอส-วรยุทธ” ในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ต่อมา วันที่ 2 พ.ค.56 อัยการมีความเห็นแย้ง เห็นควรสั่งฟ้องเป็น 4 ข้อหา โดยฟ้องข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดด้วย
วันที่ 29 มี.ค.59 “เรือโทสมนึก เสียงก้อง” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงในส่วนของข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย หมดอายุความในปี 2556
อย่างไรก็ตาม 2 ข้อหาถือเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท กับข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291
ข้อหาดังกล่าว มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี อายุความ 15 ปีนับแต่วันเกิดเหตุ หมดอายุความวันที่ 3 ก.ย.70 ซึ่งตาม ป.อาญา มาตรา 90การกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้บทหนักลงโทษผู้กระทำความผิดจึงไม่มีผลต่อคดีหลัก
วันที่ 25 เม.ย.59 อัยการนัดให้ “บอส-วรยุทธ” มาพบเป็นครั้งแรก เพื่อจะ ส่งตัวฟ้องได้ 2 ข้อหา คือ ขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าพนักงาน อายุความ 5 ปี และ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ต้นเดือนเม.ย.60 สำนักข่าวเอพี เผยคลิปข่าวพบ “บอส-วรยุทธ” อยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในอังกฤษ โดย “บอส” ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ
วันที่ 28 เม.ย.60 ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับ “บอส-วรยุทธ”
วันที่ 3 พ.ค.60 “สตม.” แถลงว่า “บอส-วรยุทธ” มีการเดินทางเข้าออกประเทศหลายครั้ง ล่าสุดคือออกไปเมื่อวันที่ 25 เม.ย.60 ปลายทางประเทศสิงคโปร์ หรือก่อนออกหมายจับ 3 วัน
ส่วนเหตุผลที่เดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะขณะนั้นยังไม่มีหมายจับ และพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไม่มีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศ
วันที่ 5 พ.ค.60 กระทรวงการต่างประเทศ ถอนหนังสือเดินทางของ “บอส-วรยุทธ”
วันที่ 3 ก.ย.60 ข้อหาขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ ที่มีอายุความ 5 ปี หมดอายุความไปอีกคดี
ในระหว่างนี้ มีการทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในการสอบสวนไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง และมีการนำพยานบุคคล อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ รวม 5 ปาก มาให้การเพิ่มเติมในสำนวนว่า “บอส-วรยุทธ” ผู้ต้องหา ใช้ความเร็วในการขับรถเฟอร์รารี่ ไม่เกิน 80 กม./ชั่วโมง
วันที่ 18 มิ.ย.63 มีการออกหนังสือ สน.ทองหล่อ ถึง “บอส-วรยุทธ” แจ้งเรื่อง “อัยการสูงสุด” ไม่ฟ้องคดีทุกข้อกล่าวหา และได้ถอนหมายจับ
วันที่ 24 ก.ค.63 “สตช.” แถลงกรณีสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ข่าวเรื่องการไม่สั่งฟ้องทุกข้อหากับ “บอส-วรยุทธ” โดย รองโฆษกสตช. ระบุว่า ทางตำรวจไม่แย้งอัยการที่ไม่สั่งฟ้อง “บอส-วรยุทธ” ในข้อหาสุดท้าย “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
ขณะนั้นได้ดำเนินการ “ถอนหมายจับทุกหมาย” และประสานตำรวจอินเตอร์โพลถอนหมายจับด้วย
วันที่ 26 ก.ค.63 อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้อง “ทายาทกระทิงแดง”
วันที่ 30 ก.ค.63 “จารุชาติ มาดทอง” พยานปากสำคัญในคดีที่ “บอส-วรยุทธ” ขับรถชน “ดาบตำรวจ” เสียชีวิต โดยอ้างว่า เห็นรถของ “บอส-วรยุทธ” ขับมาด้วยความเร็ว 50-60 กม./ชม. แต่จากนั้นตัว “จารุชาติ” เสียชีวิตอย่างมีปริศนา จากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกันที่เชียงใหม่
หลังให้การครั้งแรกในปี 55 “จารุชาติ” ไปทำงานที่ไต้หวัน แล้วกลับมาให้การอีกครั้ง วันที่ 4 ธ.ค.62 อ้างว่า เขาขับรถกระบะในช่วงนั้นด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วผ่านรถยนต์เฟอรารี่คันเกิดเหตุที่ชนตำรวจไป จึงยืนยันว่า “บอส-วรยุทธ” ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
หลังการเสียชีวิตของ “จารุชาติ” มีการตั้งข้อสงสัยเรื่องนี้กันมาก เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ และมีการนำซิมมือถือของ “จารุชาติ” ไปทำลายทิ้ง จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จริงเรื่องนี้ขึ้นมา มี “วิชา มหาคุณ” เป็นประธานฯ
วันที่ 4 ส.ค.63 คณะทำงานของอัยการ ยืนยันสามารถดำเนินคดี “บอส-วรยุทธ” ต่อได้ ประกอบด้วย การดำเนินการ 2 ประการ
1.แจ้งข้อหาเสพโคเคน แต่สุดท้ายบอสได้อานิสงส์จาก พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ เลยหมดอายุความ
2.ดำเนินการตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 สอบสวนใหม่ในประเด็นขับรถโดยประมาท ที่อายุความเหลือถึงปี 2570
วันที่ 18 ส.ค.63 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุด “วิชา มหาคุณ” เชิญตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนความเร็วรถ เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทางตำรวจ ยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยนคำให้การเรื่องความเร็วที่ “บอส-วรยุทธ” ขับรถ 177 กม./ชม.เป็น 79.23 กม./ชม. จนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง
31 ส.ค.63 หลังจากครบ 30 วันตามกรอบการทำงาน “วิชา มหาคุณ” ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ได้นำรายงานฉบับสมบูรณ์ให้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบ
วันที่ 18 พ.ค.65 “พชร ยุติธรรมดำรง” ประธานคณะกรรมการอัยการ เปิดเผยผลการประชุมของคณะกรรมการอัยการ ที่มี บทลงโทษ “เนตร นาคสุข” อดีตรองอัยการสูงสุด ให้ออกจากราชการ และ สอบวินัยร้ายแรง “ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม” อดีตอัยการอาวุโส ที่ไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนความเร็ว
วันที่ 27 ก.พ.67 ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร. กับพวก รวม 8 คน ซึ่งมี “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุด เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา กรณีกลับคำสั่งไม่ฟ้อง “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” มีขบวนการช่วยเหลือในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์
วันที่ 29 ส.ค.67 อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 นำสำนวนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” อดีตผบ.ตร. และ “เนตร นาคสุข” อดีตรองอัยการสูงสุด กับพวกรวม 8 คน มายื่นฟ้องต่อศาลในคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็วรถ จนเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดง
วันที่ 22 เม.ย.68 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง “พล.ต.อ.สมยศ” กับพวกรวม 6 คน คดีเปลี่ยนความเร็วรถ “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ส่วน “2 อดีตอัยการ” คือ “เนตร นาคสุข” อดีตรองอัยการสูงสุด ลงโทษจำคุก 3 ปี “ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม” อดีตอัยการอาวุโส ลงโทษจำคุก 2 ปี
…………….
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม
