วันอังคาร, มิถุนายน 17, 2025
หน้าแรกEXCLUSIVEชะตาชีวิตพลิกผันจากวีรบุรุษแก่งกระจาน วันนี้!!..“ชัยวัฒน์”ถูก“ไล่ออกจากราชการ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ชะตาชีวิตพลิกผันจากวีรบุรุษแก่งกระจาน วันนี้!!..“ชัยวัฒน์”ถูก“ไล่ออกจากราชการ”

ต้องเรียกว่า เป็นเส้นทางชีวิตที่พลิกผันของ “หัวหน้าอี่-ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ได้รับฉายาว่า “วีรบุรุษแก่งกระจาน”

แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มี คำสั่งลงโทษไล่ “ชัยวัฒน์” ออกจากราชการ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มี มติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง 2 กรณีหลัก ขณะที่ “ชัยวัฒน์” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คือ

กรณีที่ 1: ฮั้วประมูลก่อสร้างอาคารหน่วยพิทักษ์อุทยาน

โดยพบว่า “ชัยวัฒน์” ได้กำหนดตัวผู้เสนอราคา เป็นเอกชน 2 ราย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลคนเดียวกัน มีชื่อว่า “นายสนอง”

ป.ป.ช. มองว่าการจัดจ้างนี้ มีเจตนาเพียงเพื่อให้เอกชน เข้ามาเป็นคู่สัญญา มูลค่า 3.5 ล้านบาทเศษ กับกรมอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ยังพบว่า เอกชนได้คืนเงินสด 1,000,000 บาท ให้ “ชัยวัฒน์” ผ่านเช็คธนาคารกสิกรไทย

กรณีที่ 2: ควบคุมงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา และมีการปลอมเอกสารตรวจรับงาน

การจัดจ้างโครงการนี้ ยังไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการแนบท้ายสัญญา คือ

  • ไม่ได้มีการควบคุมงานจริง เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างเดินทางยากลำบาก
  • นายชัยวัฒน์ได้สั่งให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ จัดทำรายงานการควบคุมงาน และเขาก็ลงนามในใบตรวจรับงานจ้าง โดยรับรองว่าเสร็จเรียบร้อยตามสัญญา ทำให้เกิดการเบิกจ่ายโดยมิชอบ

การกระทำของ “ชัยวัฒน์” ถูกพิจารณาว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนนำไปสู่การลงโทษไล่ออกจากราชการ ผลจะทำให้เขาขาดสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมาย

หลังปรากฎข่าว “ชัยวัฒน์” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ช่วงนี้! ปากดีไปหน่อย” โดยเขายืนยันว่า เมื่อเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อป่า เพื่อสัตว์ป่าอย่างสุดชีวิต ก็พร้อมจะรับแรงกระแทก

“หัวหน้าอี่” ยืนยันว่า “ไม่เคยรับเงินใคร หรือทุจริตเรียกรับเงินใครในหน้าที่” และพร้อมจะพิสูจน์ผลงานก่อนเกษียณอายุราชการในปีหน้า พร้อมกับย้ำด้วยว่า ตนเองเป็น “นักเลงที่ไม่เคยโกงใคร”

สำหรับประวัติของ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” หรือ “หัวหน้าอี่” เป็นชาวอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2507 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโท สาขาวนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เขามีประสบการณ์ทำงานด้านการอนุรักษ์ป่าไม้มาอย่างยาวนาน โดยเคยรับผิดชอบโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่เขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

นอกจากนี้ เคยเป็นหัวหน้าวนอุทยานชะอำ ก่อนจะมารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระหว่างปี 2551-2557

ตลอดเส้นทางการทำงานของนายชัยวัฒน์ เขาเป็นที่รู้จักและตกเป็นข่าวในหลายประเด็นสำคัญ ไล่เรียงได้ดังต่อไปนี้

กรณีชาวกะเหรี่ยงบางกลอย

ในปี 2554 “ชัยวัฒน์” นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าอพยพและรื้อถอนที่พักอาศัยของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย (ใจแผ่นดิน) เพื่อผลักดันออกจากผืนป่าอุทยานฯแก่งกระจาน

การกระทำนี้นำไปสู่การประท้วงและการฟ้องร้องต่อศาลปกครองโดย “ปู่คออี้” ผู้นำชาวกะเหรี่ยง ในครั้งนั้น “ชัยวัฒน์” ระบุว่า การกล่าวหาว่าเขาเผาบ้านปู่คออี้ เป็นเรื่องไร้สาระ

เขายืนยันว่า ภาพที่เห็นว่าบ้านถูกเผานั้น แท้จริงแล้วเป็นแปลงกัญชาและเพิงพักสำหรับตากกัญชา

ในปีเดียวกัน เกิดเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกในพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจาน “ชัยวัฒน์” ได้นำทีมเข้ากู้เฮลิคอปเตอร์และช่วยเหลือผู้เสียชีวิต จนได้รับฉายาว่า “วีรบุรุษแก่งกระจาน” ได้รับประกาศนียบัตรข้าราชการพลเรือนดีเด่น ทส.

ต่อมา ในปี 2557 “ชัยวัฒน์” ตกเป็น ผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของ “บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ” แกนนำชาวกะเหรี่ยงบางกลอย-โป่งลึก

ครั้งนั้น เขายอมรับว่า ควบคุมตัวบิลลี่ในข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าอย่างผิดกฎหมาย และได้ปล่อยตัวไปในวันเดียวกัน แต่หลังจากนั้น ก็ไม่พบบิลลี่อีกเลย

ผ่านไป 5 ปี ในเดือนกรกฎาคม 2562 “ดีเอสไอ” เปิดเผยหลักฐานสำคัญคือกระดูกกะโหลกมนุษย์ ในถังน้ำมัน 200 ลิตร ที่พบในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน

เดือนพฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาทุจริตฯ อนุมัติหมายจับ “ชัยวัฒน์และพวก” ในคดีการหายตัวไปของ “บิลลี่” ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ล่าสุด ในเดือนกันยายน 2566 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก “ชัยวัฒน์” 3 ปี ไม่รอลงอาญา ในความผิดตามมาตรา 157 กรณีจับกุม “บิลลี่” แต่ยกฟ้องข้อหาฆาตกรรมและทำลายศพ

สำหรับกรณีถูกไล่ออกจากราชการ “ชัยวัฒน์” ยังคงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใน 30 วัน

หรือเลือกฟ้องศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง โดยสามารถดำเนินการได้เพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น

นี่จึงนับเป็นชะตาที่พลิกผันของ “ชัยวัฒน์” จาก “วีรบุรุษแก่งกระจาน” ที่ในวันนี้ ต้องกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ ในคดีร้ายแรง จนทำให้ถูกออกจากราชการ

…………….

รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img