ในการประชุมคณะกรรมาธิการการต่างประเทศเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการนำ ปัญหาของกลุ่มแรงงานไทยในประเทศเกาหลีใต้ หรือ “ผีน้อย” มาพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ การเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี
สำหรับสถิติที่น่าสนใจ การประชุมครั้งนี้ มีการระบุตัวเลขว่า มีคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ทั้งสิ้น กว่า 180,000 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทยที่พำนักอยู่อย่างผิดกฎหมาย จำนวนกว่า 140,000 คน
ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ได้ปฏิเสธการเข้าเมืองของคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าจะเข้าเมืองด้วยวัตถุประสงค์ในการลักลอบทำงานในประเทศเกาหลีใต้ โดยไม่ได้รับการตรวจลงตรา (วีซ่า) รวมถึงกรณีกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปเกาะเชจู
ที่ผ่านมา ทางการเกาหลีใต้ กำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาของประเทศไทย สามารถดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา แต่ต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติของทางการประเทศเกาหลีใต้ล่วงหน้าก่อนการเดินทางดังนี้
1.ขอรับ K-ETA หรือ Korea Electronic Authorization (เคต้า) ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับระบบวีซ่า ซึ่งต้องกรอกแบบฟอร์มสมัครขอ K-ETA ทางระบบออนไลน์ และต้องรอให้ได้รับการอนุมัติก่อน จึงจะสามารถเช็คอิน ขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้
- 2.ขอ Q-Code ทางระบบออนไลน์และผู้เดินทางต้องกรอกรายละเอียดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ผลการตรวจโควิดแบบ ATK ที่ผลออกไม่เกิน 24 ชั่วโมง หรือผลการตรวจโควิดแบบ RT-PCR ที่ผลออกไม่เกิน 48 ชั่วโมง ก่อนขึ้นเครื่องบิน
สำหรับคนไทยที่เดินทางไปยังเกาะเชจูของประเทศเกาหลีใต้ แม้ว่าจะยังไม่ต้องขอรับ K-ETA ไนขณะนี้ แต่ในอนาคตอันใกล้ทางการของประเทศเกาหลีใต้ กำลังจะปรับให้ต้องมี K-ETA ล่วงหน้าก่อนเดินทางไปเที่ยวเกาะเชจูด้วย
ดังนั้น หากมาตรการนี้ออกมา ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเกาะเชจูโดยไม่ได้รับอนุมัติ K-ETA จะไม่สมารถเดินทางต่อไปยังประเทศเกาหลีใต้ในส่วนภาคพื้นทวีปได้ และผู้เดินทางที่เคยถูกปฏิเสธ K-ETA ในการเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ ก็จะไม่ใด้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าเกาะเชจู
ทั้งนี้ แม้ว่าคนไทยที่ได้รับอนุมัติ K-ETA ให้ขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ได้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเกาหลีใต้มีอำนาจในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติการเข้าประเทศ
ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์แล้วยังมีข้อสงสัย ว่าคนไทยบุคคลใดอาจเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้เพื่อสักลอบทำงานแบบผิดกฎหมาย หรือเหตุผลอื่น ๆ ก็อาจไม่อนุมัติให้เข้าประเทศได้ โดยคนไทยที่ไม่ผ่านการอนุมัติ จะถูกส่งกลับประเทศไทยทันที โดยสายการบินที่นำคนไทย เดินทางไปเกาหลีใต้
ทีมข่าวได้ลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก “ธานี แสงรัตน์” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยอมรับว่า ตัวเลขของผีน้อยเป็นหลักแสนตามที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้น คือ 140,000 จริง เป็นตัวเลขที่สถานเอกอัครราชทูตต้องติดตามแก้ไขปัญหา แต่ขอยืนยันว่าเรื่องผีน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้
ส่วนประเด็นการบินเข้าเกาะเชจู แล้วต้องขอ K-ETA (เคต้า) คือการปิดช่องผีน้อย ไม่ให้เดินทางต่อเข้าแผ่นดินเกาหลีใช่หรือไม่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศมองว่า จริงๆ เรื่องการตรวจ K-ETA เป็นการบริหารจัดการคนเข้าประเทศของเกาหลีใต้เป็นเรื่องของปัญหาสถานการณ์โควิดมากกว่า
“มีคนไทยอยู่จำนวนมากที่ทำงานผิดกฎหมายอยู่ในเกาหลีใต้ ก็เป็นอะไรที่เรามีความกังวลนะครับ ว่าคงต้องมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมและก็ยั่งยืนในระยะยาว อาจจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้นอ่ะครับ” ธานี แสงรัตน์ โฆษก กต.ระบุ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศ บอกว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว จะมีการร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ กระทรวงแรงงานและอีกหลายภาคอีกทั้งช่วยกันย้ำเตือนให้คนไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฏหมายต่อไป
………………………………..
รายงานพิเศษ : ฟ้าคำราม
หมายเหตุ :
“ผีน้อย” เป็นคำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกกลุ่มคนไทยลักลอบเดินทางไปทำงานอย่างผิดกฎหมายที่ประเทศเกาหลีใต้ อาทิ กลุ่มแรงงานในภาคการเกษตร โรงงานอุตสาหกรรม พนักงานขาย พนักงานร้านนวด ลูกจ้างทั่วไป
ที่มาของคำว่า “ผีน้อย” นั้นมีสันนิษฐานว่าเริ่มใช้กันเองภายในกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้ จากนั้นจึงแพร่กระจายไปสู่บุคคลภายนอก
เมื่อตีความหมายตามหลักภาษาแล้ว คำว่า “ผี” นั้นแปลได้ว่า การไร้ตัวตน จับต้องไม่ได้ จึงสอดคล้องกับลักษณะการทำงานของกลุ่มผีน้อย ที่ต้องลักลอบอยู่แบบผิดกฎหมาย ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ หรือทำธุรกรรมต่างๆ ได้เลย
