นายกรัฐมนตรียันไม่เคยคิดถอดใจทำงานเพื่อประเทศชาติ ปัดข่าวลือ”รัฐบาลแห่งชาติ”สัปดาห์หน้าได้รมว.คลังคนใหม่ปรับครม.เพียงตำแหน่งเดียว
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเตรียมเข้าร่วมเป็นรัฐบาลแห่งชาติว่า ไปเขียนกันเอาเองมั้ง ยังไม่เห็นใครทำอะไรเลย เป็นเรื่องของเขาเป็นเรื่องของพรรคการเมือง เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่เขามีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการก็เป็นปกติ ไม่ใช่เหรอ ไม่เคยคุยเรื่องเหล่านี้กับใครทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าไปตั้ง ประเด็นกันขึ้นมาบางครั้ง
”ยอมรับว่าอึดอัดใจ ไปตั้งโน้นตั้งนี่ เขียนกันออกมามันไม่ใช่ผม ถ้าผมพูดอะไรก็เป็นไปตามที่ผมพูดนี่แหละเพราะผมคือผม วันนี้ใจไม่เคยถอดอยู่แล้วถ้าประเทศชาติ ไม่มีถอดใจ ทำเพื่อประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน นายกฯ ไม่เคยถอดใจเรื่องเหล่านี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขและมีการพัฒนาไปตามขั้นตอนและตามกฎหมายที่มีอยู่ ดังนั้นยืนยันว่าไม่มีถอดใจอยู่แล้ว”
ส่วนการพิจารณาปรับครม.และรมว.คลังคนใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปรับครม. เพียงตำแหน่งเดียวไม่มีการสลับตำแหน่งกัน ซึ่งทุกคนยังอยู่กันได้และขอร้องกันว่าทำเพื่อประเทศชาติในช่วงนี้ ส่วนรมว.คลังสัปดาห์หน้าก็จะรู้ ซึ่งรู้จักกันทั้งหมดอยู่แล้ว ตัวเองจำเป็นคัดเลือกคนที่เหมาะสม โดยรู้งานเศรษฐกิจ รู้การทำงานของรัฐบาล ใจถึงและเข้มแข็ง
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่และนัดหยุดงานประท้วงในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ว่า ก็จะมีการดูแลเหมือนเดิม แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย ดังนั้นอยากให้คนทั้งประเทศช่วยกันพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าวัตถุประสงค์คืออะไรแล้วจะช่วยกันได้อย่างไร ไม่ใช่โยนภาระมาที่เจ้าหน้าที่และรัฐบาลทั้งหมด
“ถ้าผมสั่งให้เต็มที่ไปเลยมันจะเกิดอะไรขึ้นไหม ดังนั้นต้องไปดูว่าคนที่ไม่ยอมเคารพกฎหมายอะไรเลย ถามว่าวันหน้าหากคนเหล่านี้ดำเนินการได้สำเร็จ แล้วเขาจะบริหารประเทศยังไง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ความขัดแย้งก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้ ยืนยันว่าทุกคนทำงานอยู่แล้วและมีระยะเวลาในการทำงานอยู่ จึงขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกัน เพราะบ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ดังนั้นอะไรต่างๆที่ไม่ใช่ปัญหา ที่ร้อนฉ่าทุกวันต้องค่อยๆแก้กันไป ถ้าทุกคนหันมาพูดจาคุยกันภาษาดอกไม้ เพราะการใช้ภาษาไม่ค่อยไพเราะความร่วมมือก็เกิดน้อย ซึ่งคนไทยมีความละเอียดอ่อนตรงนี้ จึงขอให้ใช้คำพูดให้เหมาะสม และขออย่าไปขยายความคำพูดที่ไม่ถูกต้อง และหยาบคายเพราะไม่มีใครรับได้